Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
ปฏิสัมพันธ์ของรูปแบบการเสนอภาพกับระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ที่มีต่อการสร้างมโนทัศน์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
An interaction of visual presentation formats and levels of learning achievement on concept fromation of prathom suksa four students
Year (A.D.)
1987
Document Type
Thesis
First Advisor
วิรุฬห์ ลีลาพฤทธิ์
Faculty/College
Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)
Degree Name
ครุศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
โสตทัศนศึกษา
DOI
10.58837/CHULA.THE.1987.146
Abstract
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปฏิสัมพันธ์ของรูปแบบการเสนอภาพกับระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ที่มีต่อการสร้างมโนทัศน์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนอนุบาลลพบุรี อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี ปีการศึกษา 2529 จำนวน 120 คน ได้จากการสุ่มตัวอย่างแบบแยกประเภท โดยใช้ตำแหน่งเปอร์เซ็นไตล์ของแต่ละคะแนนสอบประจำภาคเรียนที่ 1 และ 2 ปีการศึกษา 2529 เป็นเกณฑ์แบ่ง จำแนกนักเรียนตามระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เป็นกลุ่มสูง 60 คน กลุ่มต่ำ 60 คน แต่ละประเภทแบ่งนักเรียนออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มละ 30 คน โดยการสุ่มตัวอย่างแบบง่าย จากนั้นทำการสุ่มนักเรียนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งของทั้งสองประเภท ให้เรียนมโนทัศน์ด้วยรูปแบบการเสนอภาพแบบหลายภาพพร้อมกัน และที่เหลืออีกกลุ่มหนึ่งของทั้งสองประเภท ให้เรียนมโนทัศน์ด้วยรูปแบบการเสนอภาพแบบทีละภาพตามลำดับ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย เป็นภาพสไลด์ลายเส้นดำพื้นขาว แบ่งเป็นภาพที่ใช้สอนและทดสอบการสร้างมโนทัศน์เกี่ยวกับสิ่งใกล้ตัวที่นักเรียนเคยพบเห็น ภาพชุดที่ใช้สอนมโนทัศน์มี 10 ชุด ชุดละ 5 ภาพ แต่ละชุดใช้สอน 1 มโนทัศน์ การเสนอภาพทั้ง 5 ภาพ มี 2 รูปแบบ คือ แบบทีละภาพตามลำดับและแบบหลายภาพพร้อมกัน โดยแบบทีละภาพตามลำดับ นักเรียนจะได้เรียนแต่ละมโนทัศน์จากภาพสไลด์ที่ฉายปรากฏบนจอทีละภาพ ภาพละ 7 วินาที จำนวน 5 ภาพ ส่วนแบบหลายภาพพร้อมกัน นักเรียนจะได้เรียนแต่ละมโนทัศน์จากภาพสไลด์ที่ฉายปรากฏบนจอภาพพร้อมกันทีเดียว 5 ภาพ เป็นเวลา 35 วินาที หลังจากเรียนมโนทัศน์แต่ละมโนทัศน์แล้วทำการทดสอบทันทีด้วยภาพสไลด์ชุดทดสอบการสร้างมโนทัศน์นั้นๆ มโนทัศน์ละ 10 ภาพ โดยนำเสนอทีละภาพ ภาพละ 7 นาที ในการดูภาพชุดทดสอบแต่ละภาพให้ผู้เรียนระบุว่าภาพนั้นๆ เป็นภาพตัวอย่างทางบวกหรือทางลบ ของมโนทัศน์ที่กำลังเรียนอยู่ โดยตอบลงในกระดาษคำตอบ และเมื่อดำเนินการเรียนและทดสอบจนครบทั้ง 10 มโนทัศน์แล้ว นำข้อมูลที่เก็บรวบรวมได้จากผลการทดสอบมาวิเคราะห์ด้วยวิธีการวิเคราะห์ความแปรปรวนแบบสองทางและทดสอบผลที่เกิดขึ้นของแต่ละองค์ประกอบในระดับต่างๆ เมื่อพบว่ามีปฏิสัมพันธ์จากผลการทดลอง การวิจัยสรุปผลได้ดังนี้ คือ 1. กลุ่มตัวอย่างที่เรียนมโนทัศน์ด้วยรูปแบบการเสนอภาพพร้อมกันสร้างมโนทัศน์ได้ดีกว่ากลุ่มตัวอย่างที่เรียนมโนทัศน์ด้วยรูปแบบการเสนอภาพทีละภาพตามลำดับอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 2. กลุ่มตัวอย่างที่มีระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูง สร้างมโนทัศน์ได้ดีกว่ากลุ่มตัวอย่างที่มีระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 3. มีปฏิสัมพันธ์ของรูปแบบการเสนอภาพแบบหลายภาพพร้อมกัน และแบบทีละภาพตามลำดับกับระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงและต่ำ ที่มีต่อการสร้างมโนทัศน์ของกลุ่มตัวอย่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 3.1 ในการเรียนมโนทัศน์ด้วยรูปแบบการเสนอภาพแบบหลายภาพพร้อมกันและแบบทีละภาพตามลำดับ กลุ่มตัวอย่างที่มีระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูง สร้างมโนทัศน์ได้ดีกว่ากลุ่มตัวอย่างที่มีระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 3.2 กลุ่มตัวอย่างที่มีระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำที่เรียนมโนทัศน์ด้วยรูปแบบการเสนอภาพแบบหลายภาพพร้อมกัน สร้างมโนทัศน์ได้ดีกว่าที่เรียนมโนทัศน์ด้วยรูปแบบการเสนอภาพแบบทีละภาพตามลำดับ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
Creative Commons License

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
ปาลวัฒน์, เอิกสรวง, "ปฏิสัมพันธ์ของรูปแบบการเสนอภาพกับระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ที่มีต่อการสร้างมโนทัศน์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4" (1987). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 46309.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/46309