Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
Social media addiction and self-esteem of hight school students in Hat Yai municipality, secondary educational service area office 16
Year (A.D.)
2020
Document Type
Thesis
First Advisor
สุขเจริญ ตั้งวงษ์ไชย
Faculty/College
Faculty of Medicine (คณะแพทยศาสตร์)
Department (if any)
Department of Psychiatry (ภาควิชาจิตเวชศาสตร์)
Degree Name
วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
สุขภาพจิต
DOI
10.58837/CHULA.THE.2020.1256
Abstract
การศึกษาครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงพรรณนา ณ ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพฤติกรรมการติดโซเชียลมีเดีย ความภาคภูมิใจในตนเอง และปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ในนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย อำเภอหาดใหญ่ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 16 จำนวน 415 คน ตอบแบบสอบถาม ประกอบด้วย เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูล แบบสอบถามข้อมูลส่วนบุคคลและพฤติกรรมการใช้โซเชียลมมีเดีย, แบบทดสอบการติดโซเชียลมีเดีย (Social media addiction test: SMAT), แบบวัดความภาคภูมิใจในตนเองของโรเซนเบิร์กฉบับปรับปรุง(The Revised version of Thai Rosenberg Self Esteem Scale: Revised Thai RSES), แบบประเมินคุณภาพการนอนหลับ ฉบับภาษาไทย (Thai version of the Pittsburgh Sleep Quality Index, T PSQI), แบบวัดแบบวัดภาวะซึมเศร้า Center for Epidemiological Studies Depression Scale (CES D) ฉบับภาษาไทย ผลการศึกษาพบว่า จากนักเรียนทั้งหมดร้อยละ 15.7 มีภาวะติดโซเชียลมีเดีย และกลุ่มนักเรียนส่วนใหญ่ ร้อยละ 61.7 มีความภาคภูมิใจอยู่ระดับปานกลาง, ร้อยละ 21.4 อยู่ในระดับต่ำและร้อยละ 16.9 อยู่ในระดับสูง ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการติดโซเชียลมีเดียอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ < .05 ได้แก่ การใช้ อินสตาแกรม ภาวะซึมเศร้า คุณภาพการนอนหลับที่ไม่ดี ระยะเวลาที่ใช้โซเชียลมีเดียในวันธรรมดาและวันหยุด ในขณะที่ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความภาคภูมิใจในตนเองต่ำได้แก่ อายุที่ ≤ 17 ปี ความสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับบิดาแบบขัดแย้ง ภาวะซึมเศร้า คุณภาพการนอนหลับที่ไม่ดี และพบว่าพฤติกรรมการติดโซเชียลมีเดียมีความสัมพันธ์ทางลบกับความภาคภูมิใจในตนเอง 1 ใน 6 ของกลุ่มตัวอย่างจากการศึกษานี้มีภาวะติดโซเชียลมีเดีย ซึ่งผู้ที่ติดโซเชียลมีเดียพบว่ามีโอกาสมีระดับความภาคภูมิใจในตนเองต่ำและมีภาวะซึมเศร้ามากกว่า ดังนั้นนักเรียนที่มีความเสี่ยงควรได้รับการคัดกรองภาวะซึมเศร้า และผู้ที่เกี่ยวข้องควรให้การส่งเสริมและป้องกันเพื่อให้นักเรียนมีระดับภาคภูมิใจที่ดี และมีการใช้โซเชียลมีเดียลดลง
Other Abstract (Other language abstract of ETD)
The purpose of this cross-sectional descriptive study was employed with participation of 415 high school students in Hat Yai municipality. The instruments included a structured questionnaire assessed for demographic data and patterns of social media use, Social media addiction test (SMAT), Thai version of the Pittsburgh Sleep Quality Index (T-PSQI), Center for Epidemiological Studies-Depression Scale (CES-D) and Revised version of Thai Rosenberg Self-Esteem Scale (RSES). Among participants, 15.7% had social media addiction. 61.7% had moderate level of self-esteem, while 21.4% in low level and 16.9% in high level. Factors associated to social media addiction with P < 0.05 included using Instagram, having depression, poor quality of sleep, longer online time spent on weekday and holiday. Related factors to low self-esteem were age less than or equal to 17 years old, poor relationship (father), having depression and poor quality of sleep. Also, it is found that social media addiction was negatively correlated to self-esteem. One over six of subjects in this study had social media addiction, Sample with high addiction in social media tended to have lower self-esteem and more depression. Therefore, it is suggested that high school student at risk should be screened for depression and the related parties should take an action in increasing students' self-esteem and decreasing social media addiction level.
Creative Commons License
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
เหมือนจันทร์, มณฑิรา, "พฤติกรรมการติดโซเชียลมีเดียและความภาคภูมิใจในตนเองของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายในอำเภอหาดใหญ่ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 16" (2020). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 3914.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/3914