Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การชักนำให้เกิดการดื้อยาใน Trichomonas vaginalis

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

Induction of the drug resistance of Trichomonas vaginalis

Year (A.D.)

1983

Document Type

Thesis

First Advisor

สดศรี ไทยทอง

Second Advisor

ธาดา สืบหลินวงศ์

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

DOI

10.58837/CHULA.THE.1983.422

Abstract

การทดลองชักนำเพื่อให้ Trichomonas vaginalis เกิดการดื้อยานั้นทำเพื่อศึกษาถึงความเป็นไปได้ของสมมุติฐานที่ว่า ความล้มเหลวในการรักษาโรคทริโคโมนิเอซิสในผู้ป่วยอาจเกิดจากการที่ T. vaginalis สามารถต้านทานหรือดื้อยาที่ใช้รักษาได้ การศึกษาโดยนำ T. vaginalis สายพันธุ์ที่ 18, 23, และ 29 จากห้องปฏิบัติการปรสิตวิทยา ภาควิชาชีววิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แต่ละสายพันธุ์จำนวน 1x10⁴ เซลล์ต่อมิลลิลิตร มาเพาะเลี้ยงในอาหารเลี้ยงเชื้อ CPLM-NA ซึ่งมียาเมโทรไนดาโซลและทิไนดาโซลขนาดซับลีทัลความเข้มข้น 0.015 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตรเป็นระยะเวลา 30 วันติดต่อกัน แล้วเพิ่มความเข้มข้นของยาทั้งสองขึ้นเป็น 0.02 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตรอีก 30 วัน รวมเวลาสัมผัสยาทั้งสิ้น 60 วันโดยเปลี่ยนอาหารเลี้ยงเชื้อผสมยาทุก 2 วัน ทดสอบการเปลี่ยนแปลงความไวต่อยาเมโทรไนดาโซลและทิไนดาโซลเมื่อเชื้อปรสิตทั้งสามสายพันธุ์ได้สัมผัสกับยาที่ระยะเวลา 20, 30 50 และ 60 วัน โดยเปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุมซึ่งถูกเพาะเลี้ยงมาพร้อมกันในอาหารเลี้ยงเชื้อ CPLM-NA ที่ปราศจากยา ผลการทดลองพบว่า T. vaginalis ทั้งสามสายพันธุ์มีระดับความไวต่อยาเมโทรไนดาโซลและทิไนดาโซลลดลงภายหลังจากที่ได้สัมผัสกับยาทั้งสองในขนาดซับลีทับต่อเนื่องกันเป็นเวลา 50 วัน และ 60 วัน สายพันธุ์ที่ 23 มีระดับความไวต่อยาเมโทรไนดาโซลลดลงต่ำกว่าสายพันธุ์ที่ 8, 29 และ กลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ นอกจากนี้ยังพบว่าในช่วงเวลาที่เท่ากัน ระดับความไวต่อยาเมโทรไนดาโซลในเชื้อปรสิตทั้งสามสายพันธุ์จะถูกชักนำให้ลดต่ำลงได้มากกว่าระดับความไวต่อยาทิไนดาโซล และการดื้อยาของ T. vaginalis ในการทดลองนี้ไม่เปลี่ยนแปลงระดับความไวต่อยา อยู่ได้นานถึง 2 เดือน ซึ่งเป็นไปได้ว่า T. vaginalis อาจถูกชักนำให้ดื้อยาที่ใช้รักษาได้

Share

COinS