Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

Association of absent new T wave inversion and worsening of coronary blood flow in acute ST-segment elevation myocardial infarction patients treated with primary percutaneous coronary intervention

Year (A.D.)

2022

Document Type

Thesis

First Advisor

สมชาย ปรีชาวัฒน์

Second Advisor

รณพิชัย โชคสุวัฒนสกุล

Faculty/College

Faculty of Medicine (คณะแพทยศาสตร์)

Department (if any)

Department of Medicine (ภาควิชาอายุรศาสตร์ (คณะแพทยศาสตร์))

Degree Name

วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

อายุรศาสตร์

DOI

10.58837/CHULA.THE.2022.1026

Abstract

ที่มา: การเปิดขยายหลอดเลือดหัวใจชนิดปฐมภูมิ (Primary PCI) ยังเป็นการรักษาหลักในผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายฉับพลันชนิดเอสทียก (STEMI) นอกจากนี้การประเมินการไหลของเลือดไปเลี้ยงหัวใจหลังทำหัตถการยังเป็นสิ่งสำคัญเนื่องจากการไหลของเลือดไปเลี้ยงหัวใจที่แย่ (TIMI ≤ 2) สัมพันธ์กับอัตราตาย อัตราการเกิดหัวใจวาย และการเกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะรุนแรง ซึ่งหนึ่งในวิธีประเมินการไหลของเลือดไปเลี้ยงหัวใจที่สามารถทำได้ง่ายกว่าคือการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจชนิด 12 ลีดโดยใช้ลักษณะของทีเวฟหัวกลับพบว่าสามารถใช้ทำนายความสำเร็จของการเปิดของหลอดเลือดหัวใจได้ ในทางกลับกันยังไม่มีการศึกษาว่าการตรวจไม่พบทีเวฟหัวกลับหลังการเปิดขยายหลอดเลือดหัวใจชนิดปฐมภูมิจะสัมพันธ์กับการไหลของเลือดไปเลี้ยงหัวใจที่แย่ วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ของการตรวจไม่พบคลื่นไฟฟ้าหัวใจชนิดทีเวฟหัวกลับที่เกิดขึ้นใหม่กับการไหลของเลือดไปเลี้ยงหัวใจที่แย่ในผู้ป่วยที่มีภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายฉับพลันชนิดเอสทียกซึ่งได้รับการรักษาด้วยการเปิดขยายหลอดเลือดหัวใจชนิดปฐมภูมิ ระเบียบวิจัย: การศึกษาย้อนหลังแบบมีกลุ่มควบคุม (Retrospective case control study) ในผู้ป่วยที่มีภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายฉับพลันชนิดเอสทียกซึ่งได้รับการรักษาด้วยการเปิดขยายหลอดเลือดหัวใจชนิดปฐมภูมิในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ตั้งแต่เดือนมกราคม พ.ศ. 2550 ถึง ตุลาคม พ.ศ. 2565 โดยเก็บข้อมูลลักษณะอาการทางคลินิก ลักษณะคลื่นไฟฟ้าหัวใจก่อนและหลังทำหัตถการภายใน 24 ชั่วโมง ระยะเวลาการนอนในโรงพยาบาลในหอผู้ป่วยวิกฤต อัตราการเสียชีวิตในโรงพยาบาลและที่ 30 วัน เปรียบเทียบระหว่างกลุ่มที่เลือดไปเลี้ยงหัวใจดี (TIMI flow = 3) และแย่ (TIMI flow ≤ 2) ผลการศึกษา: ผู้ป่วยจำนวน 165 รายเป็นเพศชายร้อยละ 78.2 อายุเฉลี่ย 57 ± 12 ปี พบกล้ามเนื้อหัวใจตายบริเวณผนังกล้ามเนื้อหัวใจส่วนล่าง (Inferior wall STEMI) มากที่สุดคิดเป็น 58.2% และระยะเวลาตั้งแต่เริ่มเจ็บหน้าอกจนถึงได้รับการเปิดหลอดเลือดหัวใจเฉลี่ย 288.3 ± 203.2 นาที พบว่าผู้ป่วย 55 รายเป็นกลุ่มที่มี TIMI flow ≤ 2 และผู้ป่วย 110 รายมี TIMI flow = 3 ในจำนวนผู้ป่วยที่มี TIMI flow ≤ 2 มีผู้ป่วย 27 ราย (ร้อยละ 49.1) ตรวจไม่พบลักษณะทีเวฟหัวกลับจากคลื่นไฟฟ้าหัวใจหลังทำหัตถการเปรียบเทียบกับกลุ่มที่มี TIMI flow =3 คือ 58 ราย (ร้อยละ 52.7, p=0.66) นอกจากนี้ยังพบว่าระยะเวลาการนอนในโรงพยาบาลในหอผู้ป่วยวิกฤตของผู้ป่วยทั้ง 2 กลุ่มต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติคือ 3 (IQR 2, 8) วัน และ 2 (IQR 1, 3) วัน, p=0.001 และยังมีแนวโน้มว่ากลุ่ม TIMI flow ≤ 2 นั้นมีอัตราการเสียชีวิตระหว่างนอนโรงพยาบาลและที่ 30 วันมากกว่าอีกด้วย (ร้อยละ 9.1 เปรียบเทียบกับร้อยละ 5.5, p=0.377 และ ร้อยละ12.8 เปรียบเทียบกับร้อยละ 5.2, p=0.15 ตามลำดับ) สรุป: การตรวจไม่พบลักษณะทีเวฟหัวกลับที่เกิดขึ้นใหม่จากคลื่นไฟฟ้าหัวใจหลังทำหัตถการภายใน 24 ชั่วโมง ไม่สัมพันธ์กับการไหลของเลือดไปเลี้ยงหัวใจที่แย่ (TIMI flow ≤ 2) ในผู้ป่วยที่มีภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายฉับพลันชนิดเอสทียก (STEMI) ซึ่งได้รับการรักษาด้วยการเปิดขยายหลอดเลือดหัวใจชนิดปฐมภูมิ (Primary PCI)

Other Abstract (Other language abstract of ETD)

Background: Currently, primary percutaneous coronary intervention (PCI) remains the main treatment for acute ST-segment elevation myocardial infarction patients. Poor coronary blood flow (TIMI flow ≤ 2) after primary PCI is associated with increased mortality, heart failure, and malignant arrhythmia. Another widely available bedside tool for indirectly evaluated coronary perfusion is the 12-lead electrocardiogram. In previous studies, the presence of new T wave inversion in the 12-lead electrocardiogram after primary PCI was associated with better coronary blood flow and clinical outcome. However, little data have been published on the correlation between the absence of new T wave inversion after primary PCI and coronary blood flow. Objective: The aim of the study was to investigate the association of the absence of new T wave inversion and the worsening of coronary blood flow in patients with acute ST-segment elevation myocardial infarction treated with primary PCI. Material and Methods: In patients with acute ST segment elevation myocardial infarction treated with primary PCI at the King Chulalongkorn Memorial Hospital, a retrospective case control study was conducted from January 2007 to October 2022 to compare the good post-procedural coronary blood flow (TIMI flow = 3) group with the poor post-procedural coronary blood flow (TIMI flow ≤ 2) group. Clinical characteristics, electrocardiographic parameters before and after the procedure within 24 hours, length of stay in intensive care unit, in-hospital and 30 days mortality rates were analyzed. Results: The 165 patients (78.2% Male, average age 57±12 years) were included in this study. The most common walls of myocardial infarction were the inferior wall (58.2%) and the average time from onset of chest pain to wire was 288.3 ± 203.2 minute. 55 patients and 110 patients were classified into the TIMI flow ≤ 2 group and the TIMI flow = 3 group, respectively. No new T wave inversion were found in 27 patients in the TIMI flow ≤ 2 group and 58 patients in the TIMI flow = 3 group without statistically significant (49.1% vs. 52.7%, p = 0.66). In the group with poor coronary blood flow, there was a significant longer in the length of CCU or ICCU stay (3 [IQR 2,8] days vs 2 [IQR 1,3] days, p = 0.001), Moreover, in-hospital mortality rates (9.1% vs. 5.5%, p=0.377) and 30 days mortality rates (12.8% vs. 5.2%, p=0.15) tended to increase in this group. Conclusions: We have not found an association of absent new T wave inversion in 12-leads ECG within 24 hours post PCI and worsening of coronary blood flow (TIMI flow ≤ 2) in patient with acute STEMI treated with primary percutaneous coronary intervention.

Share

COinS
 
 

To view the content in your browser, please download Adobe Reader or, alternately,
you may Download the file to your hard drive.

NOTE: The latest versions of Adobe Reader do not support viewing PDF files within Firefox on Mac OS and if you are using a modern (Intel) Mac, there is no official plugin for viewing PDF files within the browser window.