Abstract
เหตุผลของการทำวิจัย : ความเครียดจากการทำงานเป็นอาการที่เกิดจากความไม่สมดุลในการตอบสนองของทางร่างกายและจิตใจเมื่อเจอกับความเครียดลักษณะการปฏิบัติงานโดยเฉพาะงานพยาบาลวิชาชีพในโรงพยาบาลเอกชนที่ต้องให้การบริการที่มีคุณภาพมากที่สุดแก่ผู้รับบริการวัตถุประสงค์ : เพื่อศึกษาความเครียดจากการทำงาน ลักษณะบุคลิกภาพ และปัจจัยอื่น ๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับความเครียดจากการทำงานของพยาบาลวิชาชีพระดับปฏิบัติการในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งรูปแบบการวิจัย : การศึกษาวิจัยเชิงพรรณนา ณ. จุดเวลาใดเวลาหนึ่งสถานที่ทำการศึกษา : โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิทตัวอย่างและวิธีการศึกษา : เก็บรวบรวมข้อมูลจากพยาบาลวิชาชีพระดับปฏิบัติการในโรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิทจำนวน 200 คน ตั้งแต่เดือน ตุลาคม ถึงเดือนธันวาคม พ.ศ. 2558 โดยใช้แบบสอบถามแบบตอบด้วยตัวเองซึ่งมีทั้งสิ้น 3 ส่วน คือ แบบสอบถามข้อมูลทั่วไป แบบสอบถามความเครียดจากการทำงาน (Thai JCQ 54 ข้อคำถาม) และแบบประเมินบุคลิกภาพ MPI วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ จำนวนร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและค่ามัธยฐาน และวิเคราะห์ปัจจัยที่เกี่ยวข้องด้วยสถิติ Independent t- test, One way ANOVAวิเคราะห์ความสัมพันธ์โดยใช้สถิติ Correlation และวิเคราะห์ความถดถอยพหุคูณโดยใช้สถิติ Multiple regression analysisผลการศึกษา : ความเครียดจากการทำงานของกลุ่มตัวอย่าง ด้านความอิสระในการตัดสินใจ ด้านความเครียดจากภาระงาน ด้านความเครียดจากการทำงานหนัก ด้านแรงสนับสนุนทางสังคมอยู่ในระดับปานกลางร้อยละ 78.0, 53.0, 65.0, และ 65.0 ตามลำดับ ด้านความมั่นคงในอาชีพอยู่ในระดับสูง ร้อยละ 87.0 และด้านปัจจัยเสี่ยงในการทำงานอยู่ในระดับต่ำ ร้อยละ 53.0 กลุ่มตัวอย่างมีลักษณะบุคลิกภาพมิติที่ 1 scale-E ส่วนใหญ่คือแบบแสดงออก ร้อยละ 69.6 บุคลิกภาพมิติที่ 2 scale-N ส่วนใหญ่ คือ แบบมั่นคง ร้อยละ 76.1 โดยประเภทบุคลิกภาพส่วนใหญ่คือแบบแสดงออก–มั่นคง ร้อยละ 56.5 ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความเครียดจากการทำงาน คือ อายุ รายได้เฉลี่ยต่อเดือน ความเพียงพอของรายได้ พฤติกรรมการออกกำลังกายการดื่ม เครื่องดื่มชูกำลัง การใช้ยาบรรเทาปวด แผนกงาน ตำแหน่งงาน ชั่วโมงการทำงาน ความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน มิติบุคลิกภาพsale-E และ scale-N เมื่อวิเคราะห์ด้วยสถิติการถดถอยแบบพหุคูณ(Multiple linear regression) เป็นรายด้าน พบว่าปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการเกิดความเครียดจากการทำงานด้านความเครียดจากการทำงานหนัก ได้แก่ การทำงานในแผนกผู้ป่วยวิกฤติ (ICU)(P <0.001) และการทำงานในแผนกอายุรกรรม (P = 0.017) ด้านความเครียดจากภาระงาน ได้แก่ การทำงานในแผนกอายุรกรรม(P <0.001) และการทำงานในแผนกผู้ป่วยวิกฤติ (ICU) (P <0.001)ด้านปัจจัยเสี่ยงในการทำงาน ได้แก่ มิติบุคลิกภาพแบบ scale-N(P <0.001) และการทำงานในแผนกห้องผ่าตัด/ห้องคลอด/หน่วยทารกแรกเกิด (P = 0.015) ด้านความอิสระในการตัดสินใจ ได้แก่การทำงานในแผนกผู้ป่วยวิกฤติ (ICU) (P <0.001) และมิติบุคลิกภาพแบบ scale-N (P = 0.020) และด้านแรงสนับสนุนทางสังคม ได้แก่บุคลิกภาพแบบ scale-N (P = 0.023)สรุป : ในการศึกษาครั้งนี้พบว่าระดับความเครียดจากการทำงานของพยาบาลวิชาชีพระดับปฏิบัติการอยู่ในระดับปานกลาง อย่างไรก็ตามหน่วยงานด้านอาชีวอนามัยควรให้ความตระหนักถึงการให้บริการให้คำปรึกษาทางสุขภาพจิต เพื่อให้พนักงานสามารถจัดการกับความเครียดจากการ ทำงานของพนักงานในองค์กร เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเครียดในระดับสูง ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลเสียต่อภาวะสุขภาพด้านร่างกายและจิตใจ รวมทั้งเกิดผลเสียต่อประสิทธิภาพการทำงานของพยาบาลวิชาชีพ.
DOI
10.58837/CHULA.CMJ.60.6.7
First Page
667
Last Page
687
Recommended Citation
มณีรุ่ง, นาฏยา and บัวทอง, ณภัควรรต
(2016)
"ความเครียดจากการทำงาน และบุคลิกภาพของพยาบาลวิชาชีพระดับปฏิบัติการในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง,"
Chulalongkorn Medical Journal: Vol. 60:
Iss.
6, Article 8.
DOI: https://doi.org/10.58837/CHULA.CMJ.60.6.7
Available at:
https://digital.car.chula.ac.th/clmjournal/vol60/iss6/8