•  
  •  
 
Chulalongkorn Medical Journal

Abstract

เหตุผลของการทำวิจัย : ภาวะมีบุตรยากส่งผลกระทบอย่างมากต่อสุขภาพจิต การรักษาภาวะมีบุตรยากมีค่าใช้จ่ายที่สูงและใช้เวลามาก แต่ก็ไม่สามารถคาดหวังผลการรักษาที่แน่นอนได้ การที่ไม่สามารถมีบุตรได้ อาจนำไปสู่ความรู้สึกบกพร่อง ไม่สมบูรณ์ในฐานะเพศหญิง ซึ่งที่ผ่านมาการศึกษาในเรื่องการเห็นคุณค่าในตนเองของผู้ป่วยหญิงกลุ่มนี้ยังมีน้อยมากวัตถุประสงค์ : เพื่อศึกษาระดับการเห็นคุณค่าในตนเองและปัจจัยที่เกี่ยวข้องในผู้ป่วยหญิงที่มีภาวะมีบุตรยากรูปแบบการวิจัย : การศึกษาวิจัยเชิงพรรณนา ณ จุดเวลาใดเวลาหนึ่งสถานที่ทำการศึกษา : คลินิกมีบุตรยาก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ตัวอย่างและวิธีการศึกษา : เก็บรวบรวมข้อมูลจากผู้ป่วยหญิง ที่มารับการรักษา ณ คลินิกมีบุตรยากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ จำนวน 113 ราย โดยให้กลุ่มตัวอย่างกรอกแบบประเมินด้วยตนเองทั้งหมด 4 ชุด ได้แก่ 1) แบบสอบถามข้อมูลส่วนบุคคล 2) แบบสอบถามข้อมูลของภาวะมีบุตรยาก 3) แบบประเมินการเห็นคุณค่าในตนเอง The Rosenberg’s Self Esteem Scale (RSE)ฉบับภาษาไทย และ 4) แบบประเมินพฤติกรรมการเผชิญปัญหาของJalowiec Coping Scale ฉบับภาษาไทย สถิติที่ใช้ ได้แก่ สถิติเชิงพรรณนา และ Univariate analysisผลการศึกษา : พบว่ากลุ่มตัวอย่างมีค่าคะแนนการเห็นคุณค่าเฉลี่ย 31.87 (S.D. = 4.09)ซึ่งเมื่อใช้ค่าจุดตัดที่ Mean -1 S.D. จะพบว่ามีกลุ่มตัวอย่างที่มีการเห็นคุณค่าในตนเองต่ำจำนวน 13 ราย (ร้อยละ11.5) โดยมี 7 ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการเห็นคุณค่าในตนเองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติจากUnivariate analysis ได้แก่ รายได้ส่วนตัวต่อเดือน การพักอาศัย ส่วนสูงอายุที่เริ่มมีรอบเดือนครั้งแรก จำนวนวันที่มีรอบเดือน วิธีที่เคยรักษาภาวะมีบุตรยากด้วยการฉีดสีเอ็กซเรย์เพื่อดูท่อนำไข่ และการใช้พฤติกรรมการเผชิญปัญหาแบบการจัดการกับอารมณ์ และเมื่อทำการวิเคราะห์แบบ Logistic Regression Analysis พบว่าเหลือเพียง3 ปัจจัยที่มีความเกี่ยวข้องกับการเห็นคุณค่าในตนเอง ได้แก่ อายุที่เริ่มมีรอบเดือนครั้งแรก จำนวนวันที่มีรอบเดือน และการใช้พฤติกรรมการเผชิญปัญหาแบบการจัดการกับอารมณ์สรุป : ระดับการเห็นคุณค่าในตนเองจากการศึกษานี้ มีค่าต่ำกว่าผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ทั่วไป แต่มีค่าใกล้เคียงกับการศึกษาในผู้ป่วยหญิงที่มีบุตรยากจากการศึกษาก่อนหน้า โดยมีความเกี่ยวข้องกับทั้งปัจจัยทางชีวภาพ และปัจจัยทางด้านพฤติกรรมการเผชิญปัญหา.

Publisher

Faculty of Medicine, Chulalongkorn University

First Page

413

Last Page

424

Share

COinS