Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
ทัศนคติของข้าราชการครูต่อมาตรการทางประชากร ด้านสวัสดิการสังคมของรัฐ
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
Teachers' Attitudes towards population measure concerned with state social welfare
Year (A.D.)
1982
Document Type
Thesis
First Advisor
สุนันทา สุวรรโฌดม
Faculty/College
Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)
Degree Name
สังคมวิทยามหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
สังคมวิทยาและมานุษยวิทยา
DOI
10.58837/CHULA.THE.1982.569
Abstract
การวิจัยนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อ ศึกษาสำรวจแนวความคิดและทัศนคดีขอข้าราชการครูในการกำหนดมาตรการทางประชากรด้านการให้สิ่งจูงใจด้วยบริการสังคมต่าง ๆ ของรัฐที่มีผลต่อการลดอัตราการเจริญพันธุ์ เช่น การกำหนดเงินสวัสดิการช่วยเหลือบุตร การให้สิทธิในการลาคลอด สิทธิในการเบิกค่ารักษาพยาบาล สิทธิทีจะได้รับเงินช่วยเหลือการศึกษาของบุตร สิทธิที่จะได้รับการหักลดหย่อนภาษาเป็นพิเศษ การให้บริการทำหมัน การให้สิทธิและสวัสดิการแก่คนโสดเป็นพิเศษกว่าผู้ที่สมรสแล้ว เป็นต้น ข้อมูลที่ใช้ในการศึกษา ได้ทำการสุ่มตัวอย่างความคิดเห็นของข้าราชการครูสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ องค์การบริหารส่วนจังหวัด และกรุงเทพมหานคร ใน 5 เขตการศึกษา ซึ่งกระจายอยู่ในภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศรวมทั้งสิ้น 846 ตัวอย่างการวิเคราะห์ได้กระทำโดยการหาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยด้านประชากร เศรษฐกิจ และสังคม กับทัศนะหรือแนวความคิดที่มีต่อมาตรการจูงใจด้านสวัสดิการสังคมของรัฐในรูปแบบต่าง ๆ รวมทั้งได้พิจารณาถึงลำดับความต้องการด้านบริการสังคมที่เป็นความประสงค์ของบุคคลกลุ่มตัวอย่างนี้ด้วย ผลจากการศึกษาครั้งนี้ ได้พบประเด็นสำคัญพอสรุปได้ดังนี้ คือ การจูงใจด้วยการให้สวัสดิการเงินช่วยเหลือบุตรเป็นรายเดือนนั้นพบว่า ในกลุ่มคนโสดทั้งชายและหญิงมีความเห็นว่าควรจำกัดจำนวนบุตรที่จะให้ความช่วยเหลือเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้พียง 3 คน แต่สำหรับผู้ที่สมรสแล้ว ปรากฏว่าสตรีเห็นด้วยในเรื่องเดียวกันนี้ในอัตราส่วนที่มากกว่าผู้ชาย คือ ร้อยละ 46.0 และ 31.1 ตามลำดับ และเมื่อนำเอาระดับตำแหน่งเข้ามาพิจารณาประกอบความคิดเห็นในเรื่องเดียวกันนี้ ก็พบว่า ข้าราชการครูทุกระดับตำแหน่งมีความเห็นส่วนใหญ่ว่าควรกำหนดให้สวัสดิการนี้แก่ข้าราชการหรือพนักงานของรัฐ โดยจำกัดจำนวนบุตรไว้ไม่เกิน 3 คน ซึ่งสอดคล้องกับระดับที่ใช้อยู่ในปัจจุบันนี้แล้ว ส่วนการกำหนดระเบียบให้ข้าราชกรสตรีลาคลอดบุตร โดยได้รับเงินเดือนเต็มได้ไม่เกินสามครั้งนั้น พบว่า ในกลุ่มคนโสดทั้งชายและหญิงเห็นด้วยกับนโยบายนี้ถึงร้อยละ 51.3 และ 54.7 ตามลำดับ แต่ในกลุ่มผู้สมรสแล้วทั้งชายและหญิงส่วนใหญ่ คือ ร้อยละ 52.1 และ 56.9 จะไม่เห็นด้วยกับนโยบายดังกล่าว สำหรับความเห็นในเรื่องการให้สิทธิเบิกค่ารักษาพยาบาลในการคลอกบุตรได้ไม่เกิน 3 คนนั้น ในกลุ่มที่สมรสแล้ว ไม่ว่าจะมีบุตรกี่คนหรือยังไม่มีบุตรเลยก็ตาม พบว่าส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายนี้ สำหรับนโยบายเกี่ยวกับการให้สิทธิเบิกค่าเล่าเรียนบุตรได้ไม่เกิน 3 คนนั้น พบว่าเฉพาะในกลุ่มคนโสดและผู้ที่สมรสแล้วแต่ยังไม่มีบุตรเท่านั้นที่เห็นด้วย สำหรับผู้ที่มีบุตรแล้วไม่ว่าจะมีกี่คนก็ตาม จะไม่เห็นด้วยกับนโยบายนี้ทุกกลุ่ม และยิ่งมีบุตรมากคนก็ยิ่งไม่เห็นด้วยในสัดส่วนที่มากขึ้นด้วย การให้สิทธิหักค่าลดหย่อนในการเสียภาษีเงินได้ โดยกำหนดจำนวนบุตรไว้ไม่เกิน 3 คนนั้น ปรากฏว่าในกลุ่มข้าราชการครูที่เป็นโสดส่วนใหญ่เห็นด้วยกับนโยบายดังกล่าว แต่ในกลุ่มผู้ที่สมรสแล้วส่วนใหญ่จะไม่เห็นด้วย ข้อที่น่าสังเกตก็คือ ข้าราชการครูยิ่งมีบุตรหลายคน แนวความคิดจะไม่เห็นด้วยกับนโยบายนี้มากยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับที่พบในเรื่องของการกำหนดสิทธิการลาคลอดบุตร สำหรับข้อเสนอให้ลดหย่อนภาษีให้คนโสดนั้น ผลจากการศึกษากลุ่มคนโสดจะเห็นด้วยกับข้อเสนออย่างยิ่ง แต่กลุ่มข้าราชการครูที่สมรสแล้วกลับไม่เห็นด้วยในเรื่องนี้ เมื่อศึกษาความคิดเห็นต่อไปว่าถ้ารัฐให้สวัสดิการแก่คนโสดมากขึ้น จะเป็นแรงจูงให้คนโสดยืดอายุการแต่งงานออกไปอีกนั้น ข้าราชการที่เป็นโสดทั้งชาย หญิง จะมีความคิดเห็นไม่แน่ใจ เพราะน่าจะมีเหตุผลอื่น ๆ ประกอบด้วย ส่วนความคิดเห็นที่สนับสนุนหรือคัดค้านจะมีส่วนใกล้เคียงกัน ในเรื่องนโยบายการให้สิทธิเข้าอยู่อาศัยในการเคหะของรัฐ โดยจำกัดขนาดครอบครัวนั้น พบว่า ข้าราชการครูส่วนใหญ่ทั้งโสดและสมรสแล้วเห็นด้วยกับนโยบายนี้ สำหรับข้อเสนอที่ให้ข้าราชการหยุดงานสักระยะหนึ่งภายหลังการทำหมัน โดยไม่คิดเป็นวันลา ข้าราชการครูส่วนมากเห็นด้วยข้อเสนอที่สำคัญประการหนึ่ง คือ ความคิดเห็นว่าควรอนุญาตให้มีการทำแท้งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการวางแผนครอบครัว และให้มีหน่วยงานของรัฐเพื่อบริการให้คำปรึกษาเรื่องการทำแท้ง ปรากฏว่าข้าราชการส่วนใหญ่เห็นด้วยกับความคิดดังกล่าว แต่ยิ่งครูที่มีอายุมากขึ้นเท่าใดยิ่งเห็นด้วยกับนโยบายนี้มากขึ้นตามลำดับด้วย สุดท้าย เป็นข้อเสนอที่รัฐบาลควรจัดสวัสดิการให้แก่ประชาชนโดยทั่วไป ความเห็นของจ้าราชการครูส่วนใหญ่เสนอให้รัฐบาลจัดสวัสดิการเกี่ยวกับการให้บริการด้านการรักษาพยาบาล และส่งเสริมสุขภาพอนามัยแก่ประชาชนมากที่สุด
Creative Commons License

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
กฤชสินชัย, ดิเรก, "ทัศนคติของข้าราชการครูต่อมาตรการทางประชากร ด้านสวัสดิการสังคมของรัฐ" (1982). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 61906.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/61906