Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การวิเคราะห์โปรแกรมการออกแแบบทางสถาปัตยกรรมด้วยทฤษฎีโปรแกรมเชิงเส้น : การหาสัดส่วนพื้นที่ใช้สอยของโครงการอาคารอเนกหน้าที่ใช้สอย

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

An analysis in architectural programming by using linear programming theory : allocating functional space requirements of multi-function building complex projects

Year (A.D.)

1982

Document Type

Thesis

First Advisor

วิมลสิทธิ์ หรยางกรู

Second Advisor

ไกรวิชิต ตันตเมธ

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

สถาปัตยกรรมศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

สถาปัตยกรรม

DOI

10.58837/CHULA.THE.1982.556

Abstract

งานสถาปัตยกรรมประเภทอาคารอเนกหน้าที่ใช้สอยนั้นเป็นงานที่มีขนาดใหญ่ ประกอบด้วยพื้นที่ใช้สอยหลายประเภทอยู่ร่วมกันภายในอาคารเดียวกัน ในลักษณะของอาคารที่มีความหนาแน่นสูงทางติดต่อภายในอาคาร แยกจากทางรถยนต์ภายนอกอาคารโดยเด็ดขาด มีผลตอบแทนทางการลงทุนเด่นชัดและมีข้อกำจัดหรือเงื่อนไขทางด้านพื้นที่ ประชาการ กฎหมาย การตลาด การเงิน ราคาค่าก่อสร้าง ตลอดจนข้อจำกัดหรือเงื่อนไขในการออกแบบอีกมากมาย จึงเป็นการยากที่จะนำข้อจำกัดหรือเงื่อนไขเหล่านั้นทั้งหมดมาเป็นข้อจำกัดในการพิจารณาหาสัดส่วนพื้นที่ใช้สอยของพื้นที่แต่ละประเภทของโครงการให้มีอัตราส่วนผสมที่เหมาะสมที่สุด และเป็นไปตามเป้าหมายสูงสุดของโครงการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่โครงการมีข้อจำกัดที่ซับซ้อนมาก ๆ แล้วจะก่อให้เกิดปัญหาซึ่งยากที่จะหาสัดส่วนพื้นที่ใช้สอยที่เหมาะสมได้ วิทยานิพนธ์นี้แสดงวิธีการหาสัดส่วนผสมของพื้นที่ที่เหมาะสมที่สุดเพื่อให้ได้สัดส่วนที่พื้นที่ใช้สอยที่เหมาะสมที่สุดของโครงการอาคารอเนกหน้าที่ใช้สอย โดยสัดส่วนพื้นที่ใช้สอยที่ได้นี้จะเป็นไปตามข้อจำกัดหรือเงื่อนไขทุกข้อที่กำหนดไว้ในโครงการอย่างครบถ้วนได้ และสำเร็จตามเป้าหมายสูงสุดด้วย ตามวิธีที่เสนอในวิทยานิพนธ์นี้ได้นำทฤษฏีโปรแกรมเชิงเส้นมาช่วยในการวิเคราะห์หาสัดส่วนพื้นที่ดังกล่าว ทฤษฏีโปรแกรมเชิงเส้นเป็นทฤษฏีทางคณิตศาสตร์อันเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวาง กล่าวถึงวิธีการหาผลลัพธ์ซึ่งในที่นี้คือ สัดส่วนพื้นที่ใช้สอยที่เหมาะสมที่สุด จากการนำข้อจำกัดหรือเงื่อนไขจำนวนมากมายมาพิจารณาพร้อม ๆ กันทั้งหมด ส่วนพื้นที่ใช้สอยของโครงการที่ได้นี้จะอยู่ภายในข้อจำกัดหรือเงื่อนไขทุกข้อและเป็นสัดส่วนพื้นที่ที่เหมาะสมที่สุดหรือดีที่สุดที่จะหาได้ด้วย โดยวิธีการและขั้นตอนของทฤษฏีโปรแกรมเชิงเส้น ซึ่งทำการคำนวณหาผลลัพธ์โดยวิธีซิมเพล็กซ์ มีความยุ่งยากและซับซ้อนหลายขั้นตอน ถ้าจะทำด้วยสมองมนุษย์แล้วจะเสียเวลามากมายและอาจมีข้อผิดพลาดได้ง่ายมาก ดังนั้นจึงจำเป็นต้องใช้คอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยในการหาผลลัพธ์ตามทฤษฎีโปรแกรมเชิงเส้นนี้ ส่วนหนึ่งของวิทยานิพนธ์จึงจัดเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ใช้เฉพาะงานนี้ขึ้นเพื่อทำให้วิธีการหาสัดส่วนพื้นที่ใช้สอยโดยใช้ทฤษฏีโปรแกรมเชิงเส้นช่วยนี้มีประสิทธิภาพสูงยิ่งขึ้น นอกจากนี้วิทยานิพนธ์ยังเสนอขั้นตอนในการบวนการวิเคราะห์โดยจัดให้มี 2 ขั้นตอน คือ :- ในขั้นตอนที่ 1 จะทำการตั้งเงื่อนไขและหาผลลัพธ์ตามทฤษฏีโปรแกรมเชิงเส้นจนได้สัดส่วนพื้นที่ที่เหมาะสมที่สุดออกมา และสัดส่วนพื้นที่ที่ได้นี้มีความเหมาะสมที่สุดตามเงื่อนไข และเป้าหมายที่ยังไม่ได้ปรับค่าของเวลา ในขั้นตอนที่ 2 คือ นำสัดส่วนพื้นที่ที่ได้นี้ไปวางแผนดำเนินการเป็นรายปี แล้วตั้งเป้าหมายและเงื่อนไขบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับแผนดำเนินการนี้ใหม่ นำไปทำการหาผลลัพธ์ตามทฤษฏีโปรแกรมเชิงเส้นอีกครั้ง จะได้ผลลัพธ์อันเป็นสัดส่วนพื้นที่ที่เหมาะสมที่สุดออกมาและนำสัดส่วนพื้นที่ที่ได้นั้นไปใช้ในการออกแบบต่อไปได้ นอกจากวิธีการและกระบวนการวิเคราะห์ดังกล่าว ได้ทำการทดลองวิเคราะห์หาสัดส่วนพื้นที่ใช้สอยที่เหมาะสมที่สุด กับโครงการพัฒนาการใช้ที่ดินบริเวณราชวิถี-รางน้ำ ซึ่งเป็นที่ดินที่การเคหะแห่งชาติเข้าดำเนินการอยู่ในปัจจุบันและต้องการจะพัฒนาที่ดินใหม่ มีขนาดที่ดินประมาณ 32,320 ตารางเมตร หรือมีพื้นที่กว่าง 80 เมตร ยาว 404 เมตร ตั้งอยู่ติดถนนราชวิถีและถนน (ซอย) รางน้ำ โดยทำการทดลองตั้งเงื่อนไขและเป้าหมายของโครงการจากการสรุปข้อมูลที่รวบรวมได้จากการเคหะแห่งชาติ และจากหลักเกณฑ์ที่เป็นจริงมากที่สุด ประกอบด้วย 22 ข้อจำกัด (เงื่อนไข) และ 9 ประเภทพื้นที่ใช้สอย (ตัวแปรตัดสินใจ) เมื่อได้เงื่อนไขและเป้าหมายแล้วก็นำไปสร้างเป็นรูปแบบทางคณิตศาสตร์ตามทฤษฏีโปรแกรมเชิงเส้น ซึ่งจะได้ 41 ตัวแปรทั้งหมดทำการหาผลลัพธ์อันเป็นสัดส่วนพื้นที่ใช้สอยที่เหมาะสมที่สุดของโครงการตามกระบวนการวิเคราะห์โดยใช้ทฤษฏีโปรแกรมเชิงเส้นช่วยนี้ สรุปผลลัพธ์ออกมาเป็นพื้นที่ (ตารางเมตร) ของแต่ละประเภทพื้นที่ใช้สอย ดังนี้ ส่วนพักอาศัย แบบ 2 ห้องนอน มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 18,220 ตารางเมตร หรือ 186 หน่วย แบบ 3 ห้องนอน มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 6,002 ตารางเมตร หรือ 47 หน่วย ส่วนสรรพสินค้ารวมทั้งส่วนสนุกและซุปเปอร์มาเก็ต มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 13,762 ตารางเมตร ส่วนร้านค้าย่อย มีพื้นที่รวมทั้งหมดประมาณ 9,541 ตารางเมตร ส่วนสำนักงาน มีพื้นที่รวมทั้งหมดประมาณ 9,213 ตารางเมตร ส่วนบริบาลทารกและเด็ก มีพื้นที่รวมทั้งหมดประมาณ 720 ตารางเมตร สำนักงานบริการชุมชน มีพื้นที่รวมทั้งหมดประมาณ 279 ตารางเมตร ที่จอดรถ มีพื้นที่รวมทั้งหมดประมาณ 46,290 ตารางเมตร หรือประมาณ 1,543 คัน สนามเด็กเล่นที่มีอุปกรณ์การเล่น มีพื้นที่รวมทั้งหมดประมาณ 249 ตารางเมตร จากพื้นที่อาคารดังกล่าวข้างต้นนี้ เมื่อรวมแล้วมีพื้นที่อาคารเท่ากับ 104,029 ตารางเมตร ซึ่งไม่เกินพื้นที่ที่อนุญาตให้ก่อสร้างได้ตามข้อกำหนดของสำนักผังเมืองเท่ากับ 129,280 ตารางเมตร พื้นที่ที่ได้เหล่านี้อยู่ในข้อจำกัดทุกข้อที่เป็นไปได้ และกำไรของโครงการที่ได้ย่อมอยู่ในข้อจำกัดเช่นกัน อย่างไรก็ตามอาจจำเป็นต้องปรับขนาดและสัดส่วนพื้นที่เหล่านี้เมื่อนำไปใช้ในงานออกแบบอาคาร การพิจารณายังบอกถึงเรื่องเงินลงทุน แผนการดำเนินการเป็นรายปี แผนการก่อสร้างแต่ละปีด้วย ซึ่งผลลัพธ์เหล่านี้จะเป็นประโยชน์โดยตรงต่อการออกแบบงานสถาปัตยกรรมอย่างยิ่ง ในการวิเคราะห์ดังกล่าวนี้จำเป็นต้องใช้สถาปนิกร่วมในการจัดทำเพื่อให้ได้สัดส่วนพื้นที่ใช้สอยที่เหมาะสมที่สุด อันเป็นประโยชน์ต่อการนำไปจัดทำโปรแกรมการออกแบบร่วมกับผลการวิเคราะห์ทางด้านที่เกี่ยวข้องกับสถาปัตยกรรม เช่น การใช้สอย ตำแหน่งที่ตั้ง การเข้าถึง ฯลฯ เพื่อใช้ในขั้นตอนการออกแบบต่อไป

Share

COinS