Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
ศึกษาการบริหารงานบุคคลของโรงพยาบาลในสังกัดกรุงเทพมหานคร
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
A study on personnel management of hospitals under the control of Bangkok Metropolis
Year (A.D.)
1982
Document Type
Thesis
First Advisor
เจริญ ปิ่นจินดา
Second Advisor
พักตร์ผจง วัฒนสินธุ์
Faculty/College
Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)
Degree Name
พาณิชยศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
พาณิชยศาสตร์
DOI
10.58837/CHULA.THE.1982.398
Abstract
วิทยานิพนธ์ฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาถึงหลักการ และวิธีการจัดระบบการบริหารงานบุคคล ของโรงพยาบาลในสังกัดกรุงเทพมหานครทั้ง 4 โรงพยาบาลได้แก่ โรงพยาบาลกลางวชิรพยาบาล โรงพยาบาลตากสิน และโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่ให้บริการแก่ประชาชนด้านการบำบัดโรคและรักษาพยาบาล การวิจัยได้ศึกษาข้อมูลปฐมภูมิโดยการสัมภาษณ์และใช้แบบสอบถาม เพื่อสำรวจความคิดเห็นของบุคลากรในการบริหารงานบุคคล และข้อมูลทุติยภูมิโดยค้นคว้าจากตำรา เอกสาร ในการวิจัยได้แบ่งผู้ตอบแบบสอบถามออกเป็น 5 กลุ่มคือ แพทย์ พยาบาล ผู้ช่วยพยาบาล เจ้าหน้าที่แพทย์ เจ้าหน้าที่ทั่วไป ผลการวิจัยพบว่าเป็นไปตามสมมุติฐานคือ 1. การบริหารงานบุคคลของโรงพยาบาลในสังกัดกรุงเทพมหานคร ยังมีอุปสรรคในด้านการประสานงาน เนื่องจากทั้งโรงพยาบาลและกองการเจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานครมีหน้าที่รับผิดชอบร่วมกันในด้านการบริหารงานบุคคลทำให้เสียเวลาในการติดต่อ และนอกจากนั้นโรงพยาบาลมีฐานะเป็นกองสังกัดสำนักการแพทย์ มีการแบ่งส่วนราชการภายในออกเป็นกอง จึงทำให้มีตำแหน่งผู้อำนวยการซ้ำซ้อน ซึ่งทำให้การบังคับบัญชาสับสนและยากแก่การประสานงาน 2. โรงพยาบาลในสังกัดกรุงเทพมหานครมีปัญหาในการจัดหาแพทย์เพื่อเข้าทำงานในโรงพยาบาล ปัจจุบันมีตำแหน่งแพทย์ว่างร้อยละ 17.8 ตำแหน่งพยาบาลว่างร้อยละ 15.4 อันมีสาเหตุจากการขาดความก้าวหน้าในการทำงาน เงินเดือนน้อยเกินไป การประกาศรับสมัครงานไม่เป็นที่ทราบกันอย่างทั่วถึง 3. การพัฒนาบุคคลไม่เป็นที่พอใจของแพทย์ประจำโรงพยาบาลในสังกัดกรุงเทพมหานคร แพทย์ไม่พอใจการฝึกอบรมถึงร้อยละ 64.0 เพราะการฝึกอบรมจัดน้อยครั้งเกินไป ผู้ช่วยพยาบาลและเจ้าหน้าที่แพทย์ก็ไม่พอใจการฝึกอบรมเช่นกัน 4. ผลตอบแทนในการทำงานไม่เป็นสิ่งจูงใจ ให้แพทย์เข้าทำงานในโรงพยาบาลในสังกัดกรุงเทพมหานคร แพทย์จำนวนร้อยละ 63.9 ไม่พอใจการเลื่อนขั้นเงินเดือน เช่นเดียวกับพยาบาล ผู้ช่วยพยาบาล เจ้าหน้าที่แพทย์ เจ้าหน้าที่ทั่วไป ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนมากต้องการสวัสดิการเพิ่มเติมอีกหลายประเภท จากการวิจัยสามารถสรุปข้อเสนอแนะในการแก้ปัญหาได้ดังนี้ 1. สรรหาบุคลากรทางการแพทย์เพื่อเข้าทำงานในโรงพยาบาล ควรจะปรับปรุงการประกาศรับสมัครพนักงานทั้งสื่อและข้อความที่ใช้ เพื่อให้ทราบกันโดยทั่วถึงและให้เจ้าหน้าที่เดิมช่วยประชาสัมพันธ์และชักชวนบุคลากรเข้าทำงาน นอกจากนั้นในระยะสั้นควรแก้ปัญหาการขาดแคลนแพทย์ โดยให้ทุนแก่นักศึกษาแพทย์และให้ทำงานใช้เมื่อจบการศึกษา ในระยะยาวควรพยายามผลิตแพทย์เอง ซึ่งจะให้ผลทั้งในการแก้ปัญหาความขาดแคลนทรัพย์ และในการจูงใจให้แพทย์เข้าทำงานในโรงพยาบาลในสังกัดกรุงเทพมหานคร เพราะมีโอกาสก้าวหน้าในฐานะเป็นอาจารย์ในโรงเรียนแพทย์ด้วย 2. การคัดเลือก งานด้านการคัดเลือกควรเป็นหน้าที่รับผิดชอบของโรงพยาบาลโดยตรงและควรจะให้ผู้บังคับบัญชาตามสายงานเข้าร่วมในการคัดเลือก เพื่อจะได้พนักงานตามคุณสมบัติที่หน่วยงานนั้น ๆ ต้องการ 3. การปฐมนิเทศ โรงพยาบาลควรให้ความสำคัญในการปฐมนิเทศ โดยให้พนักงานใหม่ทุกคนได้รับการปฐมนิเทศ เพราะจะทำให้เกิดประโยชน์ในการทำงานและการประสานงานมาก การปฐมนิเทศควรให้มีเนื้อหาครอบคลุมถึงสิ่งที่พนักงานจำเป็นต้องทราบทั้งหมด เพื่อจะทำงานได้เป็นอย่างดี 4. การพัฒนา ยังมีพนักงานอีกร้อยละ 39.2 ที่ไม่เคยเข้ารับการฝึกอบรม ดังนั้นจึงควรเพิ่มงบประมาณในการฝึกอบรม เพื่อให้สามารถจัดการฝึกอบรมได้มากขึ้น และเหมาะสมกับความต้องการของหน่วยงานต่าง ๆ 5. การประเมินผลการปฏิบัติงาน ผู้ตอบแบบสอบถามร้อยละ 64.6 ไม่พอใจการประเมินผลการปฏิบัติงานเพื่อเลื่อนขั้นเงินเดือน เพราะการประเมินผลการปฏิบัติงานไม่ได้วัดผลการทำงานที่แท้จริง ไม่มีเกณฑ์ที่แน่นอน ไม่เป็นสิ่งจูงใจให้ทำงานได้ดีขึ้น และไม่มีผลต่อการขึ้นเงินเดือนอย่างแท้จริง การประเมินผลจึงต้องกระทำอย่างมีหลักเกณฑ์ และแจ้งให้พนักงานได้ทราบถึงหลักเกณฑ์นั้น ผู้ประเมินควรมีมากกว่า 1 คน คือผู้บังคับบัญชา ผู้ร่วมงาน และผู้ใต้บังคับบัญชาของผู้ถูกประเมิน ผู้ประเมินผลเหล่านั้นควรได้รับการอบรมและมีการประเมินผลมากกว่า 1 ครั้งต่อปี 6. การเลื่อนตำแหน่งและขึ้นเงินเดือน เป็นสิ่งที่ควรจะได้รับการปรับปรุงให้เกิดความยุติธรรม โดยใช้การประเมินผลการปฏิบัติงานอย่างมีหลักเกณฑ์เป็นพื้นฐานที่สำคัญ ในการเลื่อนตำแหน่งและขึ้นเงินเดือน นอกจากนั้นต้องยกระดับสูงสุดของเงินเดือนแต่ละตำแหน่งให้สูงขึ้น 7. สวัสดิการ โรงพยาบาลจัดสวัสดิการไม่พอกับความต้องการ สวัสดิการที่ต้องการมากคือบ้านพักอาศัย ยานพาหนะรับสั่งและหอพักขณะปฏิบัติงาน 8. สภาพการทำงาน ตัวอย่างร้อยละ 82.6 ระบุว่าต้องการให้ปรับปรุงสภาพในโรงพยาบาลที่คับแคบ อุปกรณ์ในการปฏิบัติงานไม่พอและบรรยากาศที่ทำงานไม่ดี สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้จะก่อให้เกิดความไม่พอใจในการทำงาน โรงพยาบาลจึงควรสนใจแก้ไข 9. ในการวิจัยยังได้ให้ผู้ตอบแบบสอบถามเสนอแนะความคิดเห็นต่าง ๆ ในการปรับปรุงการบริหารงาน ซึ่งสามารถสรุปได้ดังนี้ – ด้านการบริหารงานบุคคล โรงพยาบาลต้องจัดอัตรากำลังให้พอ การบรรจุเจ้าหน้าที่ต้องตรงกับงานและความรู้ ควรอบรมเจ้าหน้าที่ให้มีทั้งความรู้ควบคู่กับความประพฤติที่ดี – ด้านการบริหารงาน โรงพยาบาลควรเลือกผู้บังคับบัญชาทีมีคุณสมบัติเหมาะสม เพื่อจะได้รับการยอมรับจากผู้ร่วมงาน โดยเลือกจากภายในองค์การ และโรงพยาบาลควรปรับปรุงการทำงานด้านต่าง ๆ เช่น การประสานงาน การติดต่อสื่อสาร นอกจากนั้นยังมีสิ่งที่ควรแก้ไขโดยผู้บริหารในระดับสูงได้แก่ เรื่องการรวมอำนาจการบริหารงานของกรุงเทพมหานคร เรื่องอัตราเงินเดือนข้าราชการ และเรื่องงบประมาณของกรุงเทพมหานครในด้านการแพทย์และอนามัย และควรจะมีผู้ทำการศึกษาต่อไปในเรื่อง การบริหารงานและการประสานงานของกรุงเทพมหานคร
Creative Commons License

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
ชิโนกุล, ชัยยุทธ, "ศึกษาการบริหารงานบุคคลของโรงพยาบาลในสังกัดกรุงเทพมหานคร" (1982). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 61700.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/61700