Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

พฤติกรรมปฏิสัมพันธ์ระหว่างครูกับนักเรียนและพฤติกรรมทางสังคม ของนักเรียนระดับปฐมวัย : เปรียบเทียบระหว่างโรงเรียนอนุบาล และศูนย์เด็กปฐมวันในกรุงเทพมหานคร

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

Teacher-pupil interaction and pre-schooler's social behavior : a comparison among kindergartens and child centers in Bangkok Metropolis

Year (A.D.)

1982

Document Type

Thesis

First Advisor

สุมน อมรวิวัฒน์

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

ครุศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

ประถมศึกษา

DOI

10.58837/CHULA.THE.1982.129

Abstract

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา และวิเคราะห์ พฤติกรรมปฏิสัมพันธ์ระหว่างครูและนักเรียน และพฤติกรรมทางสังคมของนักเรียนระดับปฐมวัย พร้อมทั้งเปรียบเทียบพฤติกรรมดังกล่าว ระหว่างโรงเรียนอนุบาล และศูนย์เด็กปฐมวัยและศึกษาความสัมพันธ์ของพฤติกรรมปฎิสัมพันธ์ระหว่างครูกับนักเรียน กับพฤติกรรมทางสังคมของนักเรียนระดับปฐมวัยกลุ่มตัวอย่างประชากรที่ใช้เป็นครูอนุบาล และนักเรียนอายุ 4-6 ปี ในโรเรียนอนุบาล สังกัดงานคณะกรรมการประถมศึกษาแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษา เอกชน ทบวงมหาวิทยาลัย กรมการฝึกหัดครู ศูนย์เด็กปฐมวัย สังกัดกรมการศาสนา และสภาสตรีแห่งชาติ จำนวน 28 โรง ครู 28 คน และนักเรียน 280 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ เป็นแบบสังเกตพฤติกรรมปฏิสัมพันธ์ระหว่างครูกับนักเรียน ประกอบด้วนหัวข้อพฤติกรรม 42 พฤติกรรม ซึ่งดัดแปลงมา จากแบบบันทึกพฤติกรรมปฏิสัมพันธ์ ของ เนต เอ แฟลนเดอร์ส (Ned A. Flanders) และแบบสังเกตพฤติกรรมทางสังคม ของนักเรียน ซึ่งประกอบด้วยหัวข้อพฤติกรรมทางสังคมของเด็ก 26 พฤติกรรม ผู้วิจัยเก็บรวบรวมข้อมูลโดยงวิธีสังเกต และจดบันทึก ผู้วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าร้อยละของความถี่ และใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ SPSS (Statistical Package for Social Sciences) โดยใช้ Subprogram ANOVA และ Crosstabulation เพื่อวิเคราะห์ความแปรปรวนและหาค่าความสัมพันธ์ของพฤติกรรมปฏิสัมพันธ์ และพฤติกรรมทางสังคม ผลการวิจัย พฤติกรรมปฏิสัมพันธ์ระหว่างครูกับนักเรียนส่วนมาก ครูใช้บรรยายอธิบาย สรุป เล่าเรื่อง สาธิต อบรม และใช้คำสั่ง ทั้งทางตรงและทางอ้อม ทางวาจา ส่วนนักเรียนมีพฤติกรรมตอบสนองครูอย่างมากทั้งทางท่าทาง และวาจานอกจากนั้น พฤติกรรมบางอย่าง เช่น ครูถามที่ไม่ต้องการคำตอบ ครูตำหนิ ขู่ วิจารณ์ ทางวาจา เงียบ และสับสน เกิดขึ้นในระดับปานกลาง ส่วนพฤติกรรมที่ไม่เกิดขึ้นเลย คือ พฤติกรรมนักเรียนก้าวร้าวต่อครู เมื่อวิเคราะห์ความแปรปรวนของพฤติกรรมปฏิสัมพันธ์ระหว่างโรงเรียนอนุบาลกับศูนย์เด็กปฐมวัย พบว่า พฤติกรรมที่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ ที่ P < .05 คือ พฤติกรรมนักเรียนไม่ตอบสนองคำสั่งครู หรือตอบสนองในทางลบ ทั้งทางท่าทางและทางวาจา กับพฤติกรรที่นักเรียนร้องไห้ ร้องขอ ขออนุญาติ กล่าวโทษ ในเรื่องที่เกี่ยวกับตนเองทั้งทางท่าทางและทางวาจา พฤติกรรมทางสังคมของนักเรียนที่เกิดขึ้นมาก คือ พฤติกรรมนักเรียนเล่นกับเพื่อน และคุยกับเพื่อน นอกจากนั้น พฤติกรรมบางอย่าง เช่น นักเรียนสั่ง บอกแนะนำ พูดท้าพนัน โอ้อวด ช่วยเหลือผู้อื่นทำงานหรือเล่น เกิดขึ้นในระดับปานกลางพฤติกรรมที่เกิดขึ้นน้อย ได้แก่ พฤติกรรมนักเรียนยอมรับในความผิดของตน และนักเรียนชมเชยเพื่อน ส่วนพฤติกรรมที่นักเรียนโรงเรียนอนุบาล กับศูนย์เด็กปฐมวัยมี ความแตกต่างกันที่ P< .05 คือ พฤติกรรมที่นักเรียนทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกันนักเรียนพูดหรือแสดงท่าทางแล้วผู้อื่นยิ้มหรือหัวเราะ และนักเรียนเล่นกับเพื่อน คุยกัยเพื่อน การหาความสัมพันธ์ระหว่างครูกับนักเรียน และพฤติกรรมทางสังคมของนักเรียน พบว่า พฤติกรรมที่สัมพันธ์กันอย่างมีนัยสำคัญที่ P < .05 มี 19 คู่ ด้วยกัน นอกจากนั้น ไม่สัมพันธ์กัน

Share

COinS