Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การวิเคราะห์เนื้อหาวารสารพัฒนบริหารศาสตร์

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

A content analysis of Thai Journal of Development Administration

Year (A.D.)

1982

Document Type

Thesis

First Advisor

ยวนิตย์ อินทรามะ

Second Advisor

สมบูรณ์วัลย์ เหมศาสตร์

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

อักษรศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

บรรณารักษศาสตร์

DOI

10.58837/CHULA.THE.1982.578

Abstract

การวิจัยเรื่อง “การวิเคราะห์เนื้อหาวารสารพัฒนบริหารศาสตร์" มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาขอบเขต ปริมาณ และแนวโน้มของเนื้อหาบทความในวารสารพัฒนบริหารศาสตร์ ซึ่งเป็นวารสารวิชาการทางสังคมศาสตร์ ที่มีพัฒนาการมาจากวารสารรัฐประศาสนศาสตร์ และปัจจุบันสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบในการจัดทำ กลุ่มตัวอย่างในการวิจัย ได้เลือกจากบทความในวารสารพัฒนบริหารศาสตร์ ตั้งแต่ฉบับที่ 1 ปี ที่ 14 มกราคม 2517 ถึงฉบับที่ 4 ปีที่ 20 ตุลาคม 2523 รวมทั้งสิ้น 230 บทความโดยเลือกจากคอลัมน์ต่าง ๆ 5 คอลัมน์ การวิจัยเรื่องนี้ เป็นการวิจัยต่อจากที่ สมพิศ คูศรีพิทักษ์ ได้เคยทำวิจัยเสนอคณะกรรมการวิจัย สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ เมื่อปี พ.ศ. 2518 ในหัวข้อเรื่อง “แนวโน้มการศึกษาด้านรัฐประศาสนศาสร์ : บทความในวารสารรัฐประศาสนศาสตร์ และวารสารพัฒนบริหารศาสตร์ (พ.ศ. 2503 – 2516)" ในการดำเนินการวิจัย ได้ศึกษาเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง และอ่านบทความที่เป็นกลุ่มตัวอย่างอย่างละเอียด นำมาพิจารณาจัดกลุ่มตามสาขาวิชาในหมวดสังคมศาสตร์ ตามหลักเกณฑ์การแบ่งสาขาวิชาขององค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งองค์การสหประชาชาติ รวมจำนวนบทความในแต่ละกลุ่มและหาค่าร้อยละ ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้ เนื้อหาบทความในวารสารแบ่งตามหลักเกณฑ์การแบ่งขององค์การศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งองค์การสหประชาชาติได้ 7 สาขาวิชา คือ รัฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ สังคมวิทยา รัฐประศาสนศาสตร์ บริหารธุรกิจ สถิติ สังคมศาสตร์ (ทั่วไป) และสาขาอื่น ๆ ซึ่งมีลักษณะประยุกต์ มีเนื้อหาด้านการศึกษา การวิจัยดำเนินงาน และคอมพิวเตอร์ อีก 1 สาขาวิชา กลุ่มสาขาวิชาที่มีเนื้อหามากที่สุด คือ รัฐประศาสนศาสตร์ มี 88 บทความ จากบทความทั้งหมด 230 บทความ คิดเป็นร้อยละ 38.26 รองลงมาอันดับที่ 2 คือ สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ มี 53 บทความ คิดเป็นร้อยละ 23.04 และรองอันดับที่ 3 คือ สาขาวิชาสังคมวิทยา มี 36 บทความ คิดเป็นร้อยละ 15.65 ส่วนสาขาวิชาที่มีเนื้อหาน้อยที่สุด คือ สถิติ และสังคมศาสตร์ (ทั่วไป) มีสาขาวิชาละ 4 บทความ คิดเป็นร้อยละ 1.74 ซึ่งผลการวิจัยที่ได้ครั้งนี้คล้ายกับผลการวิจัยของสมพิศ คูศรีพิทักษ์ ที่ได้วิจัยไว้เมื่อปี พ.ศ. 2518 ข้อเสนอแนะสำหรับการวิจัยขั้นต่อไปคือ ควรจะได้มีการศึกษาวิจัยเพื่อประเมินคุณค่าวารสารพัฒนบริหารศาสตร์ โดยการวิเคราะห์การอ้างถึงในงานเขียนและงานวิจัยอื่น ๆ รวมทั้งศึกษาความสนใจของผู้อ่านและผู้เขียนบทความ ที่มีต่อเนื้อหาในสาขาที่มีปริมาณมากที่สุด 3 สาขาวิชา และน้อยที่สุดนั้นด้วย เพื่อจะได้สรุปได้ว่าความสนใจของผู้อ่านและผู้เขียนที่มีต่อเนื้อหาด้านต่าง ๆ นั้น สอดคล้องกับปริมาณเนื้อหาด้วยหรือไม่

Share

COinS