Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
ปัญหาภาษีเงินได้ของนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศ
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
Problem of income tax on juristic entity incorporated under foreign law
Year (A.D.)
1982
Document Type
Thesis
First Advisor
กาญจนา นิมมานเหมินทร์
Faculty/College
Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)
Degree Name
นิติศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
นิติศาสตร์
DOI
10.58837/CHULA.THE.1982.323
Abstract
บทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรในการจัดเก็บภาษีของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลต่างประเทศ ตามมาตรา 66 และมาตรา 76 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร นั้น จะเห็นว่า การปฏิบัติจัดเก็บภาษีของสองมาตรานี้สับสนมาก ทั้งแนวคำพิพากษาฎีกาและแนวคำวินิจฉัยกรมสรรพากร บางเรื่องตัดสินโดยใช้มาตรา 66 และมาตรา 76 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากรควบคู่กันไป ในข้อเท็จจริงเดียวกัน ทั้งคำพิพากษาฎีกาและคำวินิจฉัย ของกรมสรรพากรบางฉบับกล่าวว่า ในกรณีมีลูกจ้างเข้ามาประกอบกิจการในประเทศไทย เป็นกรณีมาตรา 76 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากรทั้งสิ้น โดยไม่พิจารณาว่าลูกจ้างเข้ามาปฏิบัติตามสัญญาในไทยหรือเป็นผู้ก่อให้เกิดสัญญาในไทย ในการพิจารณาเรื่องนี้ มีความเห็น สองนัยคือ ความเห็นนัยแรก คือความเห็นของกรมสรรพากร คำพิพากษาฎีกาบางฉบับ รวมทั้งความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา มีความเห็นในแนวเดียวกันว่า หากนิติบุคคล ต่างประเทศมีลูกจ้างเข้ามาอยู่ในประเทศไทยแล้วไม่จำเป็นต้องพิจารณาว่า ลูกจ้างนั้นเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ในสถานะใด แต่อีกนัยหนึ่งเห็นว่า หากลูกจ้างเข้ามาเป็นผู้ก่อให้เกิดสัญญาแล้ว กรณีจะเข้ามาตรา 76 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร และหากลูกจ้างเข้ามาเพื่อปฏิบัติ ตามสัญญา กรณีจะเข้ามาตรา 66 แห่งประมวลรัษฎากร วิทยานิพนธ์ฉบับนี้ ผู้เขียนมุ่งที่จะวิจัยถึงความแตกต่างและขอบเขตของมาตรา 66 และมาตรา 76 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร ว่าจะใช้บังคับในข้อเท็จจริงที่ต่างกัน ตลอดจนปัญหาที่เกี่ยวข้องกับสองมาตรานี้ โดยใช้ทฤษฏีแหล่งเงินได้ (Source Rule) และมาตราต่าง ๆ ซึ่งเกี่ยวข้องในประมวลรัษฎากรเป็นหลักในการวิเคราะห์หาแนวทาง จากการวิจัยพอสรุปผลได้ว่า มาตรา 66 และมาตรา 76 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร ใช้บังคับในข้อเท็จจริงที่ต่างกัน การคำนวณกำไรสุทธิต้องคำนวณตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 65 ทวิ และมาตรา 65 ตรี แห่งประมวลรัษฎากร ทั้งเมื่อบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลต่างประเทศเสียภาษีตามมาตรา 76 ทวิ วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร แล้วไม่สมควรต้องเสียภาษีตามมาตรา 70 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร และอนุสัญญาเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนเป็นข้อยกเว้นของมาตรา 76 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร ภายใต้คำจำกัดความว่า “สถานประกอบการถาวร" ข้อเสนอแนะในการวิจัย คือ 1. เห็นสมควรตัดคำว่า “ผู้ทำการติดต่อ" ตามมาตรา 76 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากรออก 2. การคำนวณกำไรสุทธิสำหรับรายจ่ายที่เกิดขึ้นในต่างประเทศหากเกี่ยวกับกิจการที่กระทำในประเทศไทย นำมาหักเป็นรายจ่ายได้ โดยใช้สูตรเฉลี่ยรายจ่ายดังนี้ ค่าใช้จ่ายของสำนักงานใหญ่ / ยอดขายในประเทศไทย = ค่าใช้จ่ายของสาขาในประเทศไทย ยอดขายทั่วโลก 3. เห็นสมควรตัดมาตรา 76 ทวิ วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร ออก 4. ในกรณีเสียภาษีในอัตราร้อยละ 5 ของยอดรายรับ หรือยอดขายก่อนหักรายจ่ายแล้ว ไม่ต้องเสียภาษีกำไรส่งออก ตามมาตรา 70 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร 5. กรมสรรพากรต้องยอมรับเอกสารประกอบการลงบัญชีที่ผู้ตรวจสอบบัญชีได้รับอนุญาต Notary Public และสถานทูตไทยได้รับรองแล้ว ใช้เป็นเอกสารประกอบการลงบัญชีในประเทศไทยเพื่อเสียภาษีได้ 6. ควรบัญญัติกฎหมายภายในให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลต่างประเทศที่ประกอบกิจการในประเทศไทยต้องจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายไทย ซึ่งเป็นผลให้ บริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลต่างประเทศนั้นมีภูมิลำเนาในประเทศไทยและอยู่ภายใต้เขตอำนาจของศาลไทย
Creative Commons License

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
สินวิสูตร, กัลยา, "ปัญหาภาษีเงินได้ของนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศ" (1982). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 61503.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/61503