Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
ความรู้ความเข้าใจทางจริยธรรมเกี่ยวกับพฤติกรรมต่อตนเองของนักเรียน ครู และผู้ปกครอง
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
Moral cognition concerning self-directed behaviors of pupils, teachers and parents
Year (A.D.)
1982
Document Type
Thesis
First Advisor
พรรณทิพย์ ศิริวรรณบุศย์
Faculty/College
Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)
Degree Name
ครุศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
จิตวิทยาการศึกษา
DOI
10.58837/CHULA.THE.1982.61
Abstract
การวิจัยครั้งนี้มีจุดหมายเพื่อศึกษาและสำรวจความรู้ความเข้าใจทางจริยธรรมเกี่ยวกับพฤติกรรมต่อตนเองของนักเรียน ครู และผู้ปกครอง เพื่อเปรียบเทียบความรู้ความเข้าใจทางจริยธรรมเกี่ยวกับพฤติกรรมต่อตนเองของบุคคล ตามตัวแปรอิสระ 6 ตัวแปร ได้แก่ ภูมิภาค สภาพความเป็นเมือง สถานภาพ เพศ ศาสนา และอาชีพหลักของครอบครัว และเพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความรู้ความเข้าใจทางจริยธรรมกับการประเมินความถูกต้องของพฤติกรรมต่อตนเอง ของนักเรียน ครู และผู้ปกครอง กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วย นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 นักเรียนชั้นมัธยมปีที่ 3 นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ครู และผู้ปกครอง จากภูมิภาคต่างๆ 5 ภาค คือ กรุงเทพมหานคร ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคใต้ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน ทั้งสิ้น 2,834 คน กลุ่มตัวอย่างได้มาโดยการสุ่มตัวอย่างด้วยวิธีการเลือกแบบหลายขั้นตอน (multi-stage sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วยแบบสอบถามเกี่ยวกับรายละเอียดของกลุ่มตัวอย่าง และมาตรวัดความรู้ความเข้าใจทางจริยธรรมเกี่ยวกับพฤติกรรมต่อตนเอง ซึ่งคณะวิจัย ภาควิชาจิตวิทยา สร้างขึ้นโดยอาศัยแนวทฤษฏีเจตคติของฟิชไบน์ สถิติที่ใช้ในการวิจัยคือการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว และการเปรียบเทียบพหุคูณด้วยวิธีของเชฟเฟ ผลการวิจัยพบว่า 1.พฤติกรรมต่อตนเองที่กลุ่มตัวอย่างทั้งหมด มีความรู้ความเข้าใจว่าเป็นพฤติกรรมที่ดี ถูก และควรอย่างมาก ได้แก่ การมีความขยันหมั่นเพียร การมีวินัยในตนอง การรู้ตัวไม่ประมาท การรักษาสุขภาพ การตั้งมาตรฐานของตนเอง การปรับปรุงตนเอง การมีความรู้สึกภาคภูมิใจ การระงับความอยาก การสำรวจตนเอง และการมีความเชื่อมั่นในตนเองรวมทั้งสิ้น 10 พฤติกรรม ส่วนพฤติกรรมที่กลุ่มตัวอย่างมีความรู้ความเข้าใจว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่ดี ผิด และไม่ควรอย่างมาก คือการลุ่มหลงอบายมุข สำหรับการปรุงแต่งร่างกายและการไม่ควบคุมอารมณ์ เป็นพฤติกรรมที่ไม่สามารถตัดสินได้ว่าดีหรือไม่ดี ถูกหรือผิด ควรหรือไม่ควร 2. ตัวแปรอิสระทั้ง 6 ตัวแปร มีผลต่อความรู้ความเข้าใจทางจริยธรรมเกี่ยวกับพฤติกรรมต่อตนเองของกลุ่มตัวอย่าง ในระดับมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<.05ขึ้นไป) โดยที่สถานภาพ ภูมิภาค และสภาพความเป็นเมือง เป็นตัวแปรที่มีผลต่อความรู้ความเข้าใจทางจริยธรรมของกลุ่มตัวอย่างมากที่สุดเรียงกันตามลำดับ และศาสนาเป็นตัวแปรที่มีอิทธิพลน้อยที่สุดดังรายละเอียดต่อไปนี้ 2.1 บุคคลในภูมิภาคต่างๆคือ กรุงเทพมหานคร ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคใต้ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีความรู้ความเข้าใจทางจริยธรรมเกี่ยวกับพฤติกรรมต่อตนเองแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ จำนวน 16 พฤติกรรม (p<.05ขึ้นไป) 2.2 บุคคลในเขตกรุงเทพฯชั้นใน กรุงเทพฯชั้นนอก อำเภอเมือง และอำเภอชนบท มีความรู้ความเข้าใจทางจริยธรรมเกี่ยวกับพฤติกรรมต่อตนเองแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ จำนวน 15 พฤติกรรม (p<.05ขึ้นไป) 2.3 นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 นักเรียนชั้นมัธยมปีที่ 3 นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ครู และผู้ปกครอง มีความรู้ความเข้าใจทางจริยธรรมเกี่ยวกับพฤติกรรมต่อตนเองแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ จำนวน 19 พฤติกรรม (p<.05ขึ้นไป) 2.4 เพศชายและเพศหญิง มีความรู้ความเข้าใจทางจริยธรรมเกี่ยวกับพฤติกรรมต่อตนเองแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ จำนวน 10 พฤติกรรม (p<.05 ขึ้นไป) 2.5 บุคคลผู้นับถือศาสนาพุทธ ศาสนาอิสลาม และศาสนาคริสต์ มีความรู้ความเข้าใจทางจริยธรรมเกี่ยวกับพฤติกรรมต่อตนเองแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติเพียงพฤติกรรมเดียว (p<.01) 2.6 บุคคลจากครอบครัวที่มีอาชีพรับราชการ ธุรกิจการค้า ผู้ใช้แรงงาน และลูกจ้างเอกชน มีความรู้ความเข้าใจทางจริยธรรมเกี่ยวกับพฤติกรรมต่อตนเองแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ จำนวน 14 พฤติกรรม (p<.05 ขึ้นไป) 3. ความแตกต่างกันในความรู้ความเข้าใจทางจริยธรรมเกี่ยวกับพฤติกรรมต่อตนเองของกลุ่มต่างๆ จำแนกตามตัวแปรอิสระ เป็นความแตกต่างกันในระดับปริมาณเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามทุกกลุ่มต่างก็มีทิศทางของความรู้ความเข้าใจทางจริยธรรมที่สอดคล้องไปในแนวเดียวกัน 4.กลุ่มตัวอย่างทั้งหมดมีความปรารถนาต่อผลการกระทำทั้ง 7 ลักษณะในระดับสูง และมีการจัดลำดับดังนี้คือ ความสำเร็จในชีวิตการงาน ความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ความเป็นผลดีต่อสังคม ความสุขสบายใจ ความเป็นที่รักใคร่ชื่นชมของผู้อื่น ความรู้สึกมีค่าและภาคภูมิใจในตนเอง และความมั่งมีในทรัพย์สินเงินทอง 5. ความรู้ความเข้าใจทางจริยธรรมกับการประเมินความถูกต้องของพฤติกรรมต่อตนเองของนักเรียน ครู และผู้ปกครอง มีความสัมพันธ์กันในระดับสูงมาก กล่าวคือค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของการจัดอันดับพฤติกรรม มีค่าเท่ากับ 0.94
Creative Commons License

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
สมิทธิไกร, ชูชัย, "ความรู้ความเข้าใจทางจริยธรรมเกี่ยวกับพฤติกรรมต่อตนเองของนักเรียน ครู และผู้ปกครอง" (1982). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 61467.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/61467