Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การศึกษาผลกระทบโครงการชลประทานน้ำอูน จังหวัดสกลนคร

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

Impact study of Lam Nam Oon irrigation project, Sakon Nakhon province

Year (A.D.)

1982

Document Type

Thesis

First Advisor

ไพรัตน์ เดชะรินทร์

Second Advisor

สุวัฒนา ธาดานิติ

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

การวางแผนภาคและเมืองมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

การวางแผนภาค

DOI

10.58837/CHULA.THE.1982.28

Abstract

โครงการชลประทานน้ำอูน เป็นโครงการพัฒนาแหล่งน้ำโครงการหนึ่งของกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีพื้นที่โครงการประมาณ ๒๐๓,๐๐๐ ไร่ และพื้นที่ชลประทานประมาณ ๑๘๓,๘๐๐ ไร่ ตัวเขื่อนตั้งอยู่ที่บ้านหนองบัว อำเภอพังโคน จังหวัดสกลนคร วัตถุประสงค์ในการก่อสร้างเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่บางส่วนของอำเภอพังโคน อำเภอพรรณานิคม และอำเภอเมืองสกลนคร รวมทั้งการจัดหาน้ำให้เพียงพอกับการเพาะปลูก โดยเริ่มทำการก่อสร้างเมื่อปี ๒๕๑๐-๒๕๑๖ และสามารถส่งน้ำให้แก่พื้นที่บางส่วนในเขตโครงการได้ในปี ๒๕๑๘ วิทยานิพนธ์นี้มุ่งที่จะศึกษาผลกระทบของโครงการชลประทานน้ำอูนที่มีต่อประชากรทั้งทางด้านกายภาพ เศรษฐกิจ และสังคม โดยทำการศึกษาด้วยวิธีการวิจัยเอกสารและการเก็บข้อมูลภาคสนาม จากการศึกษาพบว่า โครงการชลประทานน้ำอูนมีส่วนทำให้เกิดเปลี่ยนแปลงในพื้นที่ที่ได้รับการชลประทานทั้งทางกายภาพ เศรษฐกิจ และสังคม กล่าวคือ การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ จากการเปรียบเทียบสภาพการใช้ที่ดินปี ๒๕๑๕ และ ๒๕๑๙ พบว่า ในปี ๒๕๑๙ เกษตรกรมีการใช้ที่ดินเพื่อการปลูกข้าวเพิ่มขึ้นจากปี ๒๕๑๕ ประมาณร้อยละ ๒๑ และจากการพิจารณาค่าความสัมพันธ์ของพื้นที่ถือครองเพื่อการทำนาและพื้นที่ชลประทานพบว่าการเพิ่มขึ้นของจำนวนพื้นที่ถือครอง และการเพิ่มขึ้นของพื้นที่ชลประทานมีความสัมพันธ์ค่อนข้างสูงแสดงให้เห็นว่าการชลประทานมีส่วนทำให้เกิดการขยายพื้นที่เพาะปลูก ในเขตพื้นที่โครงการยังมีโครงการปรับปรุงพื้นที่โดยการจัดรูปที่ดิน และการสร้างคันคู่น้ำเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบการชลประทานในการระบายน้ำไปสู่พื้นที่เพาะปลูกได้อย่างทั่วถึงการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม ผลจากการขยายพื้นที่ปลูกข้าวประกอบกับการมีระบบชลประทานทำให้เกิดผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่สูงขึ้น ทำให้ผลผลิตข้าวในปี ๒๕๒๓ เพิ่มขึ้นจากปี ๒๕๑๕ ประมาณร้อยละ ๑๓๖.๙ และมูลค่าการผลิตเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ ๒๒๖ สาเหตุที่ทำให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นนี้เนื่องจากผลผลิตข้าวต่อไร่เพิ่มสูงขึ้นและมีการขยายพื้นที่ปลูกข้าว เมื่อศึกษาถึงผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ ได้แก่ รายได้สุทธิทางการเกษตรปรากฏว่า ในปี ๒๕๒๒ เกษตรกรมีรายได้ลดลงจากปี ๒๕๑๘ ประมาณ ๗๐๐ บาท และรายได้สุทธิดังกล่าวต่ำกว่ารายได้สุทธิของภาคตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ ๓ เท่า ทั้งนี้เนื่องจากต้นทุนการผลิตทางการเกษตรเพิ่มขึ้นจากเดิมประมาณ ๒ เท่า การเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่เกิดขึ้นในเขตโครงการ เกษตรกรมีการยอมรับการใช้เทคโนโลยีทางการเกษตร ไม่ว่าจะเป็นการปลูกพืชฤดูแล้ง การใช้เมล็ดพันธุ์ และการใช้ปุ๋ย เป็นต้น นอกจากนี้เกษตรกรมีความยินดีที่จะร่วมในครงการพัฒนาหมู่บ้านที่จะมีในอนาคตอีกด้วย สาเหตุที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนี้อาจจะเนื่องมาจากในเขตพื้นที่มีการร่วมกลุ่มกิจกรรม การสาธิตและการฝึกอบรมและการที่เกษตรกรสามารถติดต่อกับชุมชนระดับเมืองได้สะดวกก็เป็นได้อย่างไรก็ตามผลของการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวก็ไม่ได้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ เพราะผลผลิตข้าวเฉลี่ยต่อไร่ถึงแม้ว่าจะสูงกว่าในช่วงก่อนมีการชลประทาน แต่มีปริมาณต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้และเกษตรกรไม่ได้รับกำไรจากการผลิต ซึ่งมีสาเหตุจากปัญหาทางกายภาพ ได้แก่ ดินขาดความอุดมสมบูรณ์ การกระจายน้ำไปสู่พื้นที่เพาะปลูกยังไม่ทั่วถึง และปัญหาทางเศรษฐกิจสังคม ได้แก่ ต้นทุนการผลิตสูงมากจนทำให้เกษตรกรไม่กล้าและไม่มีเงินพอที่จุลงทุน ราคาผลผลิตต่ำและตลาดในการรับซื้อผลผลิตไม่กว้างขวาง เกษตรกรบางรายยังมีทัศนคติการปลูกพืชแบบเก่าอยู่ และการสนับสนุนของทางราชการทำได้ในวงจำกัดผลจากการวิจัยได้เสนอแนะการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น จึงอยู่ที่การกำหนดปัจจัยที่ทำให้การพัฒนาการเกษตรเจริญรุดหน้าไปได้อย่างรวดเร็ว ได้แก่ การตลาด ความรู้ทางการผลิตแบบใหม่การสนับสนุนปัจจัยการผลิตและสินเชื่อ การสร้างแรงจูงใจให้เกษตรกร และการขนส่งผลผลิต ทั้งนี้โดยการส่งเสริมทางการศึกษา การให้หลักประกันในการผลิต การปรับปรุงและขยายพื้นที่เพาะปลูกการวางแผนพัฒนาการเกษตร และการจัดตั้งกลุ่มอย่างจริงจัง นอกจากนี้แล้วได้เสนอและให้มีการศึกษาต่อในเรื่องของโครงการพัฒนาชนบทแบบผสมผสานในบริเวณโครงการชลประทานน้ำอูน เพื่อความสมบูรณ์ในการพัฒนาพื้นที่แห่งนี้ต่อไป

Share

COinS