Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
การลงทุนในอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ในประเทศไทย
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
Investment in the storage battery industry in Thailand
Year (A.D.)
1980
Document Type
Thesis
First Advisor
สุพักตร์ มโนมัธย์
Second Advisor
กรรณิกา บันสิทธิ์
Faculty/College
Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)
Degree Name
บัญชีมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
การบัญชี
DOI
10.58837/CHULA.THE.1980.292
Abstract
วิทยานิพนธ์นี้ เป็นการศึกษาถึงการลงทุนในอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ในประเทศไทย เพื่อศึกษาถึงบทบาทของรัฐบาลต่ออุตสาหกรรมแบตเตอรี่ และลู่ทางการลงทุนโดยจะทำการศึกษาถึงโครงสร้างของอุตสาหกรรมในด้านต่าง ๆ อาทิเช่น ลักษณะการดำเนินงานการผลิต การใช้วัตถุดิบ แรงงาน เงินทุนการผลิต การตลาด ตลอดจนปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังศึกษา ถึงต้นทุนการผลิต ลักษณะของโครงสร้างทางการเงิน อัตราส่วนทางการเงินและหลักเกณฑ์การตัดสินใจในการลงทุนในอุตสาหกรรม ประเภทนี้ วิธีการดำเนินการค้นคว้า ได้ทำการศึกษาและค้นคว้า จากตำราที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ บทความในวารสารขององค์การแบตเตอรี่ ตลอดจนการสอบถามและสัมภาษณ์ ประมวลข้อคิดเห็นจากบุคคลต่าง ๆ ในวงการที่เกี่ยวข้องเพื่อจะได้ทราบถึงหลักเกณฑ์ และวิธีการปฏิบัติโดยทั่วไปของกิจการ จากการศึกษาทำให้ทราบว่า รัฐบาลได้กำหนดนโยบายให้อุตสาหกรรมประกอบรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ใช้ชิ้นส่วนที่สามารถผลิตได้ในประเทศ แบตเตอรี่เป็นชิ้นส่วนที่สำคัญชิ้นหนึ่ง ในการประกอบรถยนต์ และ รถจักรยานยนต์ เพราะฉะนั้นรถยนต์และ รถจักรยานยนต์ ที่ประกอบภายในประเทศ จำเป็นจะต้องใช้แบตเตอรี่ที่ผลิตภายในประเทศ และรัฐบาลได้กำหนดอัตราภาษีในการนำเข้าของแบตเตอรี่ในอัตราร้อยละ 80 เพื่อเป็นการให้ความคุ้มครองอุตสาหกรรมผลิตแบตเตอรี่ภายในประเทศ จึงทำให้อุตสาหกรรมแบตเตอรี่ที่มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศจากอุตสาหกรรมที่ผลิตขึ้นทดแทนการนำเข้าซึ่งช่วยประหยัดเงินตราต่างประเทศปีละประมาณ 30 ล้านบาท กลายมาเป็นอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มผลิตเพื่อการส่งออกอีกอุตสาหกรรมหนึ่ง ทั้งนี้เมื่อศึกษาถึงคุณภาพและขนาดแล้ว แบตเตอรี่ที่ผลิตในประเทศไทยมีคุณภาพ และ ขนาดได้มาตรฐานทัดเทียมกับต่างประเทศและมีราคาต่ำกว่า จากการศึกษายังพบว่า ในการผลิตแบตเตอรี่ในปัจจุบันต้นทุนการผลิตมีแนวโน้มสูงขึ้น เนื่องจากตะกั่วบริสุทธิ์ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่สำคัญ ในการผลิตในปี พ.ศ. 2520 มีระดับราคาเปลี่ยนแปลงสูงขึ้นประมาณ 80% และรัฐบาลได้ประกาศควบคุมราคาแบตเตอรี่ ผู้ผลิตไม่สามารถขึ้นราคาแบตเตอรี่ได้ตามการเปลี่ยนแปลงระดับราคาของวัตถุดิบ ทำให้ในบางครั้งผู้ผลิตอาจจะต้องรับภาระผลขาดทุน และจากการวิเคราะห์งบการเงิน ระหว่างปี พ.ศ. 2518 – 2521 พบว่าแนวโน้มอัตราผลตอบแทนในปี 2521 มีแนวโน้มต่ำลงทั้งนี้เนื่องจาก ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น การควบคุมราคาของรัฐบาล ในปีนี้ผู้ผลิตได้ส่งไปจำหน่ายในต่างประเทศมากเป็นปีแรก เพื่อเป็นการเปิดตลาดราคาขายที่ส่งไปจำหน่าย จึงค่อนข้างต่ำผลตอบแทนจึงต่ำลงด้วย และในปี 2521 ได้มี บริษัทผู้ผลิตเดิม 2 บริษัท ได้ขยายการลงทุนเพิ่ม การใช้ทรัพย์สินจึงยังใช้ไม่เต็มกำลังการผลิต สำหรับตลาดแบตเตอรี่ในปัจจุบัน บริษัทผลิตแบตเตอรี่ 7 แห่งสามารถ ได้ครองส่วนของตลาดแบตเตอรี่เพียงร้อยละ 70 ส่วนอีกร้อยละ 30 เป็นตลาดของร้านซ่อมแบตเตอรี่ซึ่งสามารถบริการแก่ผู้ใช้ในราคาที่ต่ำกว่า แต่อย่างไรก็ตามผู้ผลิตทั้ง 7 แห่ง ก็ได้พยายามหาวิธีการครองส่วนตลาดให้มากขึ้น และ เพิ่มปริมาณการผลิตให้มากขึ้นโดยพยายามส่งออกจำหน่ายยังต่างประเทศ ให้สูงขึ้นด้วยผู้ที่สนใจลงทุนในอุตสาหกรรมแบตเตอรี่จะต้องคำนึงถึงส่วนแบ่งของตลาดเป็นสำคัญและในปัจจุบันคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนได้งดพิจารณาให้การส่งเสริมการลงทุนในการลงทุนในอุตสาหกรรมแบตเตอรี่สำหรับผู้ลงทุนรายใหม่เพราะฉะนั้นสิทธิพิเศษและประโยชน์ต่าง ๆ ผู้ลงทุนรายใหม่ก็ไม่มีสิทธิ์ได้รับจากรัฐบาล การลงทุนในอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ต้องใช้เงินลงทุนมาก ฉะนั้นในสภาวะการณ์เช่นนี้จึงไม่ควรที่จะลงทุนตั้งโรงงานใหม่
Creative Commons License

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
รัชชุศานติ, สิริเกียรติ, "การลงทุนในอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ในประเทศไทย" (1980). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 59221.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/59221