Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
แนวโน้มของการเปลี่ยนทัศนคติต่ออาชีพครูและมูลเหตุจูงใจ ในการประกอบอาชีพครูของครูประถมศึกษา สังกัดกรุงเทพมหานคร
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
Trends of attitude change toward teaching career and motivation factors of teaching career of primary school teachers under the auspices of the Bangkok Metropoltan administration
Year (A.D.)
1981
Document Type
Thesis
First Advisor
ชุมพร ยงกิตติกุล
Faculty/College
Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)
Degree Name
ครุศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
จิตวิทยา
DOI
10.58837/CHULA.THE.1981.67
Abstract
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาทัศนคติของครู ต่ออาชีพครูที่มีเพศ และจำนวนปีที่ทำการสอนแตกต่างกัน แนวโน้มของการเปลี่ยนทัศนคติของครูต่ออาชีพครู และมูลเหตุจูงใจในการประกอบอาชีพครู ของกลุ่มครูประถมศึกษา สังกัดกรุงเทพมหานคร กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วยครูประถมศึกษา สังกัดกรุงเทพมหานคร จำนวน 1,122 คน และนักศึกษาฝึกหัดครูชั้นปีที่ 4 จากวิทยาลัยครูส่วนกลาง ที่ออกฝึกสอนในภาคต้นปีการศึกษา 2523 จำนวน 276 คน รวมเป็นกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด 1,398 คน เป็นชาย 650 คน และหญิง 748 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย มาตรวัดทัศนคติของครูต่ออาชีพครู แบบประมาณค่ารวมของลิเคอร์ท (Likert’s Summated Type Scale) มาตรนัยจำแนกตามวิธีการของออสกูด (The Semantic Differential Scale) และแบบสอบถามมูลเหตุจูงใจในการประกอบอาชีพครู ซึ่งผู้วิจัยสร้างขึ้นเพื่อใช้ในการวิจัยครั้งนี้ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการวิเคราะห์ความแปรปรวน 2 ทาง (Two-Way Analysis of Variance) ทดสอบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยเป็นรายคู่ โดยวิธีการของเชฟเฟ่ (Scheffe) วิเคราะห์แนวโน้ม (Trends Analysis) และหาค่าร้อยละ (Percentage) ผลการวิจัยปรากฏว่า 1. กลุ่มครูประถมศึกษา สังกัดกรุงเทพมหานคร ชายและหญิงที่มีจำนวนปีที่ทำการสอนต่างกัน มีทัศนคติต่ออาชีพครูด้านต่าง ๆ แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 2. กลุ่มครูหญิงมีทัศนคติต่ออาชีพครูด้านต่าง ๆ ในทางบวกสูงกว่ากลุ่มครูชาย 3. กลุ่มนักศึกษาฝึกหัดครูชั้นปีที่ 4 มีทัศนคติต่ออาชีพครูด้านต่าง ๆ ในทางบวกสูงกว่ากลุ่มครูที่ทำการสอนมาแล้ว 1-5 ปี 6-10 ปี และ 11-20 ปี อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 4. กลุ่มครูที่ทำการสอนมาแล้ว 11-20 ปี และ 21-31 ปี มีทัศนคติต่ออาชีพครูด้านต่าง ๆในทางบวกสูงกว่ากลุ่มครูที่ทำการสอนมาแล้ว 1-5 ปี และ 6-10 ปี อย่างมีนัยสำคัญ ที่ระดับ .05 5. ทัศนคติของครูต่ออาชีพครูจากมาตรนัยจำแนก (S.D.) พบว่า กลุ่มครูที่มีจำนวนปีที่ทำการสอนต่างกันประเมินคุณลักษณะต่าง ๆ ของอาชีพครูประถมศึกษาไปทางด้านบวกทุกกลุ่ม และพบว่ากลุ่มครูชายและหญิงประเมินคุณลักษณะต่าง ๆ ของอาชีพครูไปทางด้านบวก โดยกลุ่มครูหญิงประเมินคุณลักษณะของอาชีพครูสูงกว่าครูชาย 6. แนวโน้มของการเปลี่ยนทัศนคติของครูต่ออาชีพครู ไม่เพิ่มขึ้นตามจำนวนปีที่ทำการสอน และไม่พบความสัมพันธ์ระหว่างจำนวนปีที่ทำการสอนกับทัศนคติของครู 7. มูลเหตุจูงใจในการประกอบอาชีพครู ของกลุ่มครูชายหญิงที่มีจำนวนปีที่ทำการสอนต่างกัน อับที่ 1 ถึง 3 เหมือนกันตามลำดับคือ อาชีพครูได้มีส่วนร่วมในการอบรมเยาวชนของชาติให้เป็นพลเมืองดี เพราะได้เรียนมาทางนี้จึงต้องเป็นครูมาจนปัจจุบัน เป็นอาชีพที่มั่นคงยั่งยืน และกลุ่มนักศึกษาครูปี 4 ทั้งชายและหญิง จัดอันดับมูลเหตุจูงใจในการประกอบอาชีพครู อันดับที่ 1 ถึง 3 เหมือนกัน ตามลำดับคือ อาชีพครูได้มีส่วนร่วมในการอบรมเยาวชนของชาติให้เป็นพลเมืองดี มีความรักและสงสารเด็ก มีความฝังใจ และใฝ่ฝันในอาชีพนี้มาก่อน
Creative Commons License

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
รวยอารี, เฉลิมศักดิ์, "แนวโน้มของการเปลี่ยนทัศนคติต่ออาชีพครูและมูลเหตุจูงใจ ในการประกอบอาชีพครูของครูประถมศึกษา สังกัดกรุงเทพมหานคร" (1981). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 58354.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/58354