Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

นโยบายการใช้ที่ดินในเขตชานเมืองชั้นนอกของกรุงเทพมหานคร : กรณีศึกษาเพื่อวางแผนเสนอแนะการใช้ที่ดินในเขตลาดกระบัง

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

Land use policy in an outer suburb of Bangkok : the case study for tentative guide plan in Lad-Krabang

Year (A.D.)

1981

Document Type

Thesis

First Advisor

ชลิตภากร วีรพลิน

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

การวางแผนภาคและเมืองมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

การวางผังเมือง

DOI

10.58837/CHULA.THE.1981.25

Abstract

ปัจจุบันชานเมืองชั้นนอกของกรุงเทพมหานคร บริเวณที่เป็นเขตต่อชนบท (Rural-urban Fringe) กำลังเปลี่ยนสภาพเป็นเมืองอย่างรวดเร็ว โดยเมื่อแรกเริ่มบริเวณดังกล่าวมีลักษณะทั้งกายภาพและสังคมเป็นชนบท แต่ได้ถูกความเป็นเมืองรุกล้ำเข้าไปจากใจกลางเมือง ทำให้สภาพชนบทค่อย ๆหมดไป เขตชานเมืองชั้นนอกของกรุงเทพมหานครมีด้วยกันทั้งสิ้น 6 เขต ได้แก่ เขตหนองจอก ลาดกระบัง บางขุนเทียน ตลิ่งชัน และหนองแขม เป็นบริเวณที่มีความหนาแน่นของประชากรต่ำมาก เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่ยังคงใช้เพื่อการเกษตร การวางแผนการใช้ที่ดินในเขตนี้นับว่าเป็นบริเวณที่จะต้องพิจารณาเป็นพิเศษโดยไม่สามารถใช้มาตรการเดียวกันกับการวางผังนครหรือการวางผังชนบท ตรงกันข้ามบริเวณนี้ต้องการการวางผังกึ่งเมืองและชนบทในรูปแบบการวางผังเฉพาะ (Specific Planning) โดยจำเป็นจะต้องกำหนดนโยบายให้แน่ชัดลงไปว่าจะให้มีลักษณะเป็นชนบทมากกว่าเมืองหรือมีความเป็นเมืองมากกว่าชนบท “เขตลาดกระบัง" ได้ถูกนำมาเป็นกรณีศึกษาในการวางแผนเสนอแนะการใช้ที่ดินชานเมืองชั้นนอกกรุงเทพมหานคร ผลจากการศึกษาปรากฏว่าข้อมูลบางประการที่นำมาพิจารณาเกี่ยวกับที่ตั้ง ประวัติความเป็นมาและลักษณะกายภาพของพื้นที่แสดงให้เห็นว่าลาดกระบังมีลักษณะเป็นชนบท มีการตั้งถิ่นฐานและการประกอบอาชีพของประชากรดำเนินไปอย่างสอดคล้องกับสภาพธรรมชาติของพื้นที่ในรูปแบบสังคมการ เกษตรบนพื้นที่ดินอันอุดมสมบูรณ์เหมาะสมสำหรับการปลูกข้าว และมีลำคลองหล่อเลี้ยงหลายสายตลอดไปในพื้นที่ แต่ในปัจจุบันนี้การใช้ที่ดินในเขตลาดกระบังได้มีการเปลี่ยนแปลงโดยเปลี่ยนจากการใช้ที่ดินแบบชนบทมาเป็นการใช้ที่ดินแบบเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแขวงลาดกระบัง ขบวนการ เป็นเมือง (suburbanization) ดังกล่าวมีสาเหตุโดยสรุปดังนี้ 1. การปรับปรุงการคมนาคมขนส่งทางถนน 2. การเพิ่มประชากรอย่างรวดเร็วของกรุงเทพมหานคร 3. บทบาทของนักจัดสรรที่ดิน 4. การขยายตัวของโรงงานอุตสาหกรรม 5. การขยายหน่วยงานของรัฐบาลในเขตลาดกระบัง การเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดินทำให้เกิดผลกระทบที่สำคัญหลายประการ ประการแรก คือ ที่นาที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดของประเทศผืนหนึ่งกำลังจะหมดสิ้นไป ประการต่อมาคือ การขาดแคลนพื้นที่สีเขียวของกรุงเทพมหานคร นอกจากนี้แล้วในทางผังเมืองจะเห็นได้ทันทีว่าเป็นการเพิ่มปัญหาของกรุงเทพฯ เนื่องมาจากความไม่เพียงพอของสาธารณูปโภค ซึ่งรัฐจะต้องจัดการบริการ “ไล่ตาม" พื้นที่เมืองเปิดใหม่อย่างไม่จบสิ้น และขณะที่มีการเปลี่ยนกรรมสิทธิ์ที่ดินหรือในระหว่างที่เจ้าของที่ดินยังไม่พร้อมที่จะลงทุนบนที่ดินของตน ที่ดินซึ่งถือว่ามีความอุดมสมบูรณ์ที่สุดของประเทศจะยังคงปล่อยให้รกร้างว่างเปล่าปราศจากคุณค่าทางเศรษฐกิจ ปัญหาประการสุดท้ายคือ ปัญหาทางสังคม ส่วนใหญ่จะเป็นปัญหาอันเนื่องมาจากชาวนาที่ไม่สามารถจะทำนาได้อีกต่อไป เป็นสภาพที่ชาวนาจะต้องยอมรับและต้องการการปรับตัวที่ถูกต้อง โดยทั่วไปชาวนาไทยมักจะมีฐานะทางเศรษฐกิจที่ยากจน ไม่มีที่ดินของตนเอง ขาดความรอบรู้ในวิชาการสมัยใหม่ เมื่อไร้ที่ทำกินจึงอยู่ในสภาพที่ว่างงาน จำเป็นที่รัฐบาลจะต้องวางมาตรการ การใช้ที่ดินเพื่อให้ชาวนาชานเมืองยังมีโอกาสประกอบอาชีพของตน จากสภาพความเป็นจริงดังกล่าวนำมาพิจารณาร่วมกับแนวโน้มการใช้ที่ดินอันเนื่องมาจากโครงการพัฒนาต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในเขตลาดกระบังและบริเวณพื้นที่ต่อเนื่อง ในที่สุดได้ทำการกำหนดเป้าหมายหลักของแผนการใช้ที่ดินของชานเมืองชั้นนอก โดยกำหนดให้คงสภาพพื้นที่เกษตรกรรมเพื่อส่งเสริมการกินดีอยู่ดีของชาวนาลาดกระบัง ในการนี้จะต้องมีนโยบายที่สอดคล้องกับเป้าหมายหลักดังนี้ 1. เขตลาดกระบังจะต้องใช้ที่ดินให้เหมาะสมตามสมรรถนะของดิน 2. ส่งเสริมโครงการพัฒนาที่จะอนุรักษ์สภาพพื้นที่เกษตรกรรมในเขตลาดกระบัง 3. จำกัดการขยายตัวของชุมชนเมืองให้อยู่เฉพาะในขอบเขตที่เหมาะสม 4. ป้องกันสภาวะแวดล้อมเป็นพิษอันเนื่องมาจากการใช้ที่ดินเป็นเมืองเพื่อไม่ให้เกิดผลเสียต่อพื้นที่เกษตรกรรม และในที่สุดได้เสนอแนะแผนการใช้ที่ดินในเขตลาดกระบังซึ่งประกอบไปด้วยเขตพื้นที่ชุมชน เขตเกษตรกรรม เขตพื้นที่ริ้วสีเขียว (ปลอดอาคาร) และระบบถนน โดยกำหนดมาตรการด้านกฎหมาย เศรษฐกิจ วิศวกรรม และด้านสังคมควบคู่ไปด้วย

Share

COinS