Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
การวิเคราะห์ผลตอบแทนของการลงทุนจากการปลูกทดแทนด้วยยางพันธุ์ดี ในประเทศไทย
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
Analysis of return on rubber replanting investment in Thailand
Year (A.D.)
1981
Document Type
Thesis
First Advisor
พานิช เสือสกุล
Faculty/College
Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)
Degree Name
เศรษฐศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
เศรษฐศาสตร์
DOI
10.58837/CHULA.THE.1981.18
Abstract
เนื่องจากสวนยางพาราในประเทศไทยเราส่วนมากเป็นสวนยางเก่า ที่หมดสภาพสวนในด้านการเกษตรแล้ว ตามปกติต้นยางจะให้น้ำยางเพียงอายุประมาณ 32 ปี หลังจากนั้นต้องปลูกทดแทนใหม่ แต่ที่เป็นอยู่ปัจจุบัน เกษตรกรมักไม่ค่อยเอาใจใส่คงปล่อยต้นยางไว้แม้จะหมดสภาพสวนแล้วก็ตาม และส่วนมากจะปลูกยางพันธุ์เก่าหรือพันธุ์พื้นเมือง ซึ่งให้ผลผลิตต่ำ ทางราชการได้เริ่มให้การสงเคราะห์การปลูกต้นยางพันธุ์ดีแทนต้นยางเก่า ตั้งแต่ปี 2504 เป็นต้นมา จนถึงปัจจุบัน รวมกับที่เกษตรกรปลูกยางพันธุ์ดีโดยมิได้รับการสงเคราะห์จากทางราชการ ปรากฏว่าขณะนี้ประเทศไทยมีสวนยางพันธุ์ดีประมาณ 2.8 ล้านไร่ จากเนื้อที่เพาะปลูกยางทั้งประเทศประมาณ 9.8 ล้านไร่ ดังนั้น เพื่อสนับสนุนการปลูกยางพันธุ์ดีให้เพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงขึ้น ให้มีการปลูกทดแทนด้วยยางพันธุ์ดีทั่วประเทศก่อนที่ยางใหม่ที่ปลูกทดแทนนั้นกลายเป็นยางเก่าไปในขณะที่การปลูกทดแทนยางเก่ายังไม่หมด จึงจำเป็นที่จะต้องรีบดำเนินการเร่งรัดการปลูกแทนให้มีมากขึ้น จึงต้องอาศัยแหล่งเงินพิเศษมาช่วยเหลือเพิ่มเติมนอกเหนือจากงบประมาณแผ่นดินที่ได้รับอยู่แล้ว เพื่อใช้ดำเนินการให้บรรลุตามเป้าหมายที่วางไว้ คือ การเร่งรัดการปลูกแทน 1 ล้านไร่ ภายใน 4 ปี นับตั้งแต่ปี 2520 ถึง 2523 โดยแหล่งเงินกู้นั้นมาจากธนาคารโลก 50 ล้านเหรียญสหรัฐและจากบรรษัทพัฒนาการแห่งเครือจักรภพ เป็นเงิน 3.4 ล้านปอนด์สเตอร์ริงก์ (8 ล้านเหรียญสหรัฐ) อัตราดอกเบี้ย 8.5% ต่อปี กำหนดชำระคืนภายใน 22 ปี รวมระยะปลอดหนี้ 7 ปี ดังนั้นวิทยานิพนธ์ฉบับนี้จึงมุ่งที่จะศึกษาถึงผลตอบแทนของการลงทุนจากการปลูกทดแทนด้วยยางพันธุ์ดี ในประเทศไทยเพื่อที่จะนำมาเปรียบเทียบกับประโยชน์หรือผลดีที่เกิดจากการกู้เงินจากต่างประเทศเพื่อนำมาใช้ในการดำเนินโครงการนี้ จากผลการศึกษาการปลูกยางพันธุ์ดีในประเทศไทย ปรากฏว่าตั้งแต่เริ่มปลูกจนอายุประมาณ 7 ปี จึงเริ่มกรีดเอาน้ำยางได้ น้ำยางที่ได้จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับอายุของต้นยาง การพิจารณาความเหมาะสมของการลงทุนปลูกยางพารานั้น โดยพิจารณาจากค่าของ B/C ratio และ IRR จะพบว่าเป็นการลงทุนที่ให้ผลคุ้มค่าในทางเศรษฐกิจ คือให้ค่า B/C ratio ที่มากกว่า 1 และให้ค่า IRR ที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยของท้องตลาดในปัจจุบัน คือให้ค่า IRR ถึง 17.25% เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับอัตราดอกเบี้ยของท้องตลาดในปัจจุบัน คือให้ค่า IRR ถึง 17.25% เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จากต่างประเทศคือ 8.5% ค่า IRR ที่คำนวณได้นี้ก็อยู่ในเกณฑ์ที่สูงกว่ามาก ย่อมแสดงถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากการใช้เงินกู้นี้มีมากเมื่อหมดอายุของการลงทุน ในด้านการสร้างความมั่นใจให้แก่ชาวสวนยางให้มีการปลูกทดแทนด้วยยางพันธุ์ดีกันให้มากขึ้น ราคาประกันหรือราคาขั้นต่ำที่ชาวสวนยางควรจะได้รับ คือ 17.02 บาท เมื่ออัตราดอกเบี้ย 15% เปรียบเทียบกับราคาที่เป็นจริงในปัจจุบันประมาณ 19.00-20.30 บาท ย่อมแสดงถึงว่าชาวสวนยางสามารถดำรงชีพด้วยการทำสวนยางต่อไปได้อย่างสุขสบาย และอายุที่เหมาะสมของการปลูกทดแทนที่คำนวณได้จากการศึกษานี้คือ 24 ปี ดังนั้น ชาวสวนยางจึงไม่ควรปล่อยสวนยางให้มีต้นยางเก่าและแกที่มีอายุมากไว้เพื่อจะได้ไม่ต้องสูญเสียโอกาสจากการที่จะได้รับผลตอบแทนที่มากขึ้นในอนาคต จะเห็นได้ว่าเมื่อพิจารณาทางด้านความเหมาะสมของการลงทุนจากการปลูกทดแทนด้วยยางพันธุ์ดีแล้วก็จะเป็นการลงทุนประเภทหนึ่งที่ให้ผลคุ้มคาแก่การลงทุน
Creative Commons License

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
ศันสนะกุล, อรณา, "การวิเคราะห์ผลตอบแทนของการลงทุนจากการปลูกทดแทนด้วยยางพันธุ์ดี ในประเทศไทย" (1981). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 58236.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/58236