Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การสกัดน้ำมันจากข้าวโพดที่ปลูกในประเทศ

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

Extraction of oil from locally grown corn

Year (A.D.)

1982

Document Type

Thesis

First Advisor

สมศักดิ์ ดำรงค์เลิศ

Second Advisor

พันธิพา จันทวัฒน์

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

เคมีเทคนิค

DOI

10.58837/CHULA.THE.1982.439

Abstract

ในการทดลองนี้ได้นำข้าวโพดพันธุ์สุวรรณ 1 มาสกัดน้ำมันโดยก่อนสกัดได้แยกต้นอ่อนออกจากเมล็ด ข้าวโพดวิธี Wet-Milling Process ซึ่งในวิธีดังกล่าวมีตัวแปรที่สำคัญคือ อุณหภูมิ, เวลาและความเข้มข้นของสารละลายซัลเฟอร์ไดออกไซด์ที่ใช้ในการแช่ข้าวโพด (Steeping) พลังจากแยกต้นอ่อนแล้วจึงสกัดน้ำมันโดยใช้วิธีการบีบโดยใช้เครื่องไฮโครลิค การใช้ตัวทำละลายนอร์มอลเฮกเชน และวิธีการบีบโดยใช้เครื่องไฮโคร ลิคควบกับการใช้ตัวทำละลายนอร์มอลเฮกเชน จากการทดลองพบว่าสภาวะที่เหมาะสมในการแยกต้นอ่อนโดยวิธี Wet-Milling คือ แช่ข้าวโพดด้วยสารละลายซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ความเข้มข้น 0.2 % (น้ำหนักต่อปริมาตร) ที่อุณหภูมิ 50°ซ เป็นเวลา 2 วัน ต้นอ่อนที่ได้มีสิ่งปลอมปนน้อยมาก ต้นอ่อนที่ได้ถูกทำให้แห้ง บดให้ได้ขนาดพอเหมาะ ผ่านขั้นตอนการนึ่ง (Steaming) ก่อนแล้วจึงนำมาสกัดน้ำมัน ปริมาณน้ำมันในต้นอ่อนที่ได้มีค่าเฉลี่ยประมาณ 41 เปอร์เซ็นต์ การบีบน้ำมันโดยใช้เครื่องไฮโครลิคได้ค่าความคันที่เหมาะสมประมาณ 1,149 ก.ก. ต่อตาราง ช.ม. ขนาดอนุภาคของต้นอ่อนที่เหมาะสมคือ 1.0 – 2.0 ม.ม. ซึ่งจะได้น้ำมันเฉลี่ย 24.87 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ของน้ำมันที่มีทั้งหมดในต้นอ่อน การสกัดน้ำมันด้วยตัวทำละลายนอร์มอลเฮกเซนโดยวิธีรีฟลัก (Reflux) สภาวะที่เหมาะสมคือใช้ต้นอ่อนขนาดอนุภาค 0.5 – 1.0 ม.ม. ปริมาณต้นอ่อน : นอร์มอลเฮกเซน = 1 : 20 (น้ำหนักต่อปริมาตร) เป็นเวลา 12 ช.ม. จะได้น้ำมันเฉลี่ยถึง 31.76 เปอร์เซ็นต์ หรือ 80 เปอร์เซ็นต์ของน้ำมันที่มีทั้งหมดในต้นอ่อน การสกัดด้วยวิธีการบีบน้ำมันโดยใช้เครื่องไฮโครลิคควบคู่กับการใช้ตัวทำละลายนอร์มอลเฮกเซน เมื่อนำกากต้นอ่อนที่ผ่านการบีบโดยเครื่องไฮโครลิคมาสกัดน้ำมันต่อโดยใช้ตัวทำละลาย ได้น้ำมันเพิ่มจากวิธีการบีบโดยใช้เครื่องไฮโครลิคอีก 14 เปอร์เซ็นต์ จากปริมาณต้นอ่อนที่ใช้ รวมปริมาณน้ำมันที่ได้จากวิธีนั้งสิ้นจากต้นอ่อน 38.87 เปอร์เซ็นต์ หรือ 94.80 เปอร์เซ็นต์ของน้ำมันที่มีทั้งหมดในต้นอ่อน น้ำมันดิบที่สกัดได้ทั้ง 3 วิธีคุณสมบัติไม่แตกต่างกันมาก เมื่อวิเคราะห์พบว่า มีค่ากรดไขมันอิสระในช่วง 1.7 – 2.0 เปอร์เซ็นต์ Gum มีในช่วง 2.3 – 2.6 เปอร์เซ็นต์ สีของน้ำมันที่ได้มีค่าเปอร์เซ็นต์ Transmittance (ที่ 276 นาโนมิเตอร์) อยู่ในช่วง 54 – 70 ค่าเปอร์ออกไซด์ของน้ำมันที่ได้จากวิธีการบีบโดยใช้เครื่องไฮโครลิคและใช้นอร์มอลเฮกเซนจะมีค่าในช่วง 17 – 22 มิลลิอีควิวาเลนท์ต่อน้ำมัน 1 ก.ก. ส่วนน้ำ มันที่ได้จากการนำกากที่ได้จากการบีบโดยใช้เครื่องไฮโครลิคมาสกัดน้ำมันที่เหลือด้วยนอร์มอลเฮกเซนพบว่า มีค่าเปอร์ออกไซด์เฉลี่ยประมาณ 30.55 มิลลิอีควิวาเลนท์ต่อน้ำมัน 1 ก.ก. คุณสมบัติของน้ำมันดิบที่ได้มีค่าไม่สูงไปกว่ามาตรฐานของน้ำมันและไขมันบริโภคมากนักจึงน่าที่จะนำไปทำให้บริสุทธิ์โดยไม่ต้องผ่านกรรม วิธีที่ยุ่งยากและสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายมากนัก ส่วนกรรมวิธีสำหรับการสกัดน้ำมันจากต้นอ่อนของข้าวโพดนั้น การสกัดด้วยวิธีการบีบน้ำมันโดยใช้เครื่องไฮโครลิคควบกับการใช้ตัวทำละลายจะมีความเหมาะสมที่สุด เนื่องจากเมื่อพิจารณาแล้วจะได้ผลคุ้มค่ากับการลงทุนคือ จะได้ปริมาณน้ำมันสูงและต้นทุนการผลิตต่ำ โดยวิธีนี้จากการวิเคราะห์ทางเศษฐศาสตร์ สำหรับกาผลิตในประเทศไทยน้ำมันข้าวโพดดิบจะมีต้นทุนการผลิต 10.78 บาทต่อน้ำมัน 1 ก.ก.

Share

COinS