Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การวิเคราะห์ทางการเงินของอุตสาหกรรมเส้นใยประดิษฐ์ ในประเทศไทย

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

Financial analysis of man-made fibre in Thailand

Year (A.D.)

1982

Document Type

Thesis

First Advisor

ดารณี พุทธวิบูลย์

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

บัญชีมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

DOI

10.58837/CHULA.THE.1982.333

Abstract

วิทยานิพนธ์นี้เป็นการศึกษาถึงการวิเคราะห์ทางการเงินของอุตสาหกรรมเส้นใยในประเทศไทยเพื่อศึกษาถึงฐานะทางการเงินของอุตสาหกรรมนี้ข้อมูลที่ใช้ในการวิเคราะห์คือ งบการเงิน ซึ่งได้จากแหล่งข้อมูลของทางราชการคือ กรมทะเบียนการค้า กระทรวงพาณิชย์ โดยทำการวิเคราะห์ระหว่างช่วงปี พ.ศ.2519-2522 และเพื่อศึกษาถึงโครงสร้างโดยทั่วไปของอุตสาหกรรมนี้ด้วย สาระสำคัญโดยลำดับของวิทยานิพนธ์นี้มีดังนี้ ด้านโครงสร้างของอุตสาหกรรมเส้นใยประดิษฐ์ในประเทศไทย ได้ศึกษาถึงภาวะโดยทั่วไปของอุตสาหกรรมนี้ทั้งในด้านการผลิต การตลาด การควบคุมของรัฐบาลตลอดจนความช่วยเหลือของรัฐบาลที่มีต่ออุตสาหกรรมนี้ สำหรับในด้านการผลิตอาจกล่าวได้ว่า อุตสาหกรรมเส้นใยประดิษฐ์เดิมเป็นอุตสาหกรรมที่ผลิตเพื่อทดแทนการนำเข้าที่สำคัญอุตสาหกรรมหนึ่ง ซึ่งผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการภายในประเทศโดยการสั่งวัตถุดิบส่วนใหญ่มาจากต่างประเทศเข้ามาทำการผลิตเอง ต่อมาผลิตภัณฑ์เส้นใยประดิษฐ์ได้เพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงกว่าความต้องการของตลาดภายในประเทศจึงได้เปลี่ยนเป็นอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออก ปัจจุบันมีผู้ประกอบการผลิตภายในประเทศ 6 ราย มีทุนจดทะเบียนตั้งแต่ 98,000,000 บาท ถึง 548,000,000 บาท อุตสาหกรรมนี้ต้องลงทุนสูงมากจึงมีผู้ผลิตรายใหญ่เพียง 2 ราย ในด้านการตลาดลักษณะเป็นการแข่งขันกันทั้งระหว่างผู้ผลิตภายในประเทศด้วยกันเองและกับสินค้าที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ส่วนการนำเข้านั้นในระยะหลังมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ เพราะปริมาณการผลิตภายในประเทศมีปริมาณเพียงพอกับความต้องการภายในประเทศส่วนการส่งออกยังนับว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีการส่งออกน้อยในด้านต้นทุนการผลิตปัจจัยทีมีอิทธิพลต่อต้นทุนการผลติมากที่สุดคือ ราคาของวัตถุดิบ เช่น DMT, TPA, EG และ Caprolactam วัตถุดิบทั้งหมดต้องสั่งซื้อมาจากต่างประเทศและราคาวัตถุดิบมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นด้วย รัฐบาลจึงได้ให้ความช่วยเหลือต่ออุตสาหกรรมนี้ในด้านต่างๆ เพื่อช่วยให้ต้นทุนการผลิตต่ำลงและเพิ่มอำนาจในการแข่งขันกับต่างประเทศ รัฐบาลได้ให้สิทธิพิเศษในการนำเครื่องจักร อุปกรณ์ต่างๆ และวัตถุดิบเข้ามาโดยได้รับการยกเว้นภาษีศุลกากรหรือเสียภาษีในอัตราต่ำ และได้เพิ่มอัตราการจัดเก็บอากรขาเข้า ผลิตภัณฑ์เส้นใยประดิษฐ์จากอัตราเดิมร้อยละ 60 เป็นร้อยละ 80 ตามประกาศกระทรวงการคลัง ฉบับวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2521 ทั้งนี้เพื่อคุ้มครองอุตสาหกรรมเส้นใยประดิษฐ์และเพื่อลดดุลการค้า ด้านวิเคราะห์ฐานะทางการเงินของอุตสาหกรรมเส้นใยประดิษฐ์โดยคำนวณหาอัตราส่วนทางการเงินของแต่ละบริษัทในอุตสาหกรรมนี้ แล้วทำการเปรียบเทียบอัตราส่วนของแต่ละบริษัทกับอัตราส่วนโดยเฉลี่ยของกิจการในแต่ละขนาด และอัตราส่วนโดยเฉลี่ยของทั้งอุตสาหกรรม ว่ามีความแตกต่างกันหรือไม่เพียงใด เพราะเหตุใดซึ่งการวิเคราะห์นี้แบ่งออกเป็น 4กลุ่ม คือ วิเคราะห์สภาพคล่อง สภาพเสี่ยง สมรรถภาพในการดำเนินงาน และสมรรถภาพในการหากำไร ผลจากการวิเคราะห์ปรากฏว่า บริษัทที่ประสบความสำเร็จโดยมีสมรรถภาพในการหากำไรสูง คือ บริษัทไทยเรยอนจำกัด และบริษัทโทเรไนล่อนจำกัด ซึ่งทั้ง 2 บริษัทนี้เป็นบริษัทที่มีกิจการขนาดกลาง และจากการวิเคราะห์ถึงฐานะทางการเงินของกิจการในแต่ละขนาด สรุปได้ว่ากิจการขนาดกลางมีฐานะทางการเงินดีกว่ากิจการขนาดใหญ่ทั้งในด้านสภาพคล่อง สภาพเสี่ยง สมรรถภาพในการดำเนินงาน และสมรรถภาพในการหากำไร กิจการขนาดใหญ่จัดว่ามีฐานะทางการเงินยังไม่เป็นที่น่าพอในเพราะมีสภาพคล่องต่ำ สภาพเสี่ยงสูง ขณะเดียวกันสมรรถภาพในการดำเนินงานและสมรรถภาพในการหากำไรยังต่ำกว่ากิจการขนาดกลาง และเมื่อพิจารณาโดยส่วนรวมแล้ว อาจกล่าวได้ว่าฐานะทางการเงินของอุตสาหกรรมเส้นใยประดิษฐ์อยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยเฉพาะทางด้านสภาพเสี่ยงและสมรรถภาพในการหากำไร ซึ่งมีสภาพเสี่ยงลดต่ำลง แต่มีสมรรถภาพในการหากำไรเพิ่มสูงขึ้นจากปี พ.ศ. 2519 มาโดยตลอด ประกอบกับสมรรถภาพในการดำเนินงานมีแนวโน้มสูงขึ้น นอกจากนี้ยังได้วิเคราะห์แนวโน้มของอัตราส่วนทางการเงินแต่ละประเภท เพื่อให้เป็นการเคลื่อนไหวของอัตราส่วนต่างๆ ของแต่ละบริษัทเปรียบกับอัตราส่วนโดยเฉลี่ยของกิจการในแต่ละขนาดของบริษัทนั้นๆ และอัตราส่วนโดยเฉลี่ยของทั้งอุตสาหกรรมในช่วงปี พ.ศ. 2519-2522 ด้วย ด้านการบริหารเงินทุนของอุตสาหกรรมเส้นใยประดิษฐ์ ผลจากการวิเคราะห์ปรากฏว่าโครงสร้างของเงินทุนของกิจการขนาดใหญ่ กิจการขนาดกลาง และของอุตสาหกรรม ได้มาจากหนี้สินโดยเฉลี่ยแล้วประมาณ 84% 66% และ 78% ของเงินทุนทั้งหมดตามลำดับ และส่วนใหญ่เป็นหนี้สินระยะสั้น จากการวิเคราะห์งบแสดงแหล่งที่มาและใช้ไปของเงินทุน พบว่าวิธีการจัดหาเงินทุนของอุตสาหกรรมยังไม่สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ที่ดี โดยในช่วงปี พ.ศ. 2519-2520 และ 2521-2522 ได้มีการจัดหาเงินทุนจากแหล่งเงินทุนระยะสั้นไปใช้ลงทุนในสินทรัพย์ถาวร นโยบายการบริหารเงินทุนเช่นนี้ ทำให้ต้องชำระหนี้คืนให้ทันภายในกำหนดระยะเวลาอันสั้น ถ้าอุตสาหกรรมยังคงใช้นโยบายการบริหารเงินทุนเช่นนี้ต่อไป ก็อาจจะเผชิญกับความเสี่ยงที่สูงขึ้น ส่วนในช่วงปี พ.ศ. 2520-2521 อุตสาหกรรมได้นำเงินทุนจากแหล่งระยะยาวไปใช้ลงทุนในสินทรัพย์หมุนเวียน นโยบายการบริหารเงินทุนเช่นนี้ถึงแม้จะมีความเสี่ยงน้อย แต่ก็ทำให้ได้รับผลตอบแทนต่ำ เนื่องจากเงินทุนจากแหล่งระยะยาวมีต้นทุนที่สูง จากผลการศึกษาพอสรุปได้ว่า ปญหาของอุตสาหกรรมเส้นใยประดิษฐ์ในประเทศไทย ด้านการผลิต คือ ราคาวัตถุดิบสูง เพราะเป็นผลิตภัณฑ์เคมีน้ำมัน ซึ่งต้องนำเข้าจากต่างประเทศทั้งหมด และราคาจะเปลี่ยนแปลงตามการขึ้นลงของราคาน้ำมันดิบของโลก ด้านการเงิน มีปัญหาเรื่องสภาพคล่องต่ำ สมรรถภาพในการดำเนินงานเกี่ยวกับการใช้สินทรัพย์ถาวรและสินทรัพย์รวมยังไม่ดีเท่าที่ควร นอกจากนี้นโยบายการจัดหาเงินทุนของอุตสาหกรรมไม่สอดคล้องกับอายุการใช้งานของสินทรัพย์ โดยในบางปีได้นำเงินทุนจากแหล่งระยะสั้นไปใช้ลงทุนในสินทรัพย์ถาวรทำให้ความเสี่ยงสูง และด้านการตลาด มีปัญหาการทุ่มตลาดจากต่างประเทศ สินค้าเส้นใยจากประเทศไทยหาตลาดในต่างประเทศได้ยาก เพราะเมื่อเทียบกับคู่แข่งขันในตลาดโลกแล้ว สินค้าเส้นใยของประเทศไทยจะมีราคาสูงกว่า ทั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากการขึ้นค่าเงินดอลลาร์สหรัฐทำให้เงินบาทซึ่งผูกค่าติดกับเงินดอลลาร์ดูแข็งขึ้น ลูกค้าจากต่างประเทศจึงลดการซื้อลงแม้รัฐบาลไทยจะได้ทำการลดค่าเงินบาทลงแล้วเมื่อเดือนกรกฎาคม 2524 ข้อเสนอแนะสำหรับปัญหาราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้น รัฐบาลควรสนับสนุนให้มีการตั้งโรงงานเปโตรเคมีคัลเพื่อผลิตสารเคมีภัณฑ์สำหรับอุตสาหกรรมผลิตเส้นใยประดิษฐ์ขึ้นภายในประเทศ ทั้งนี้เพื่อเป็นการช่วยลดราคาวัตถุดิบจำพวกเคมีภัณฑ์ และทำให้ไม่ต้องพึ่งการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ ซึ่งจะเป็นการช่วยผ่อนคลายปัญหาวัตถุดิบลงได้ อันจะมีผลให้ต้นทุนการผลิตลดลง ส่วนด้านการเงินนั้น ผู้ผลิตควรปรับปรุงการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น โดยทำให้สินทรัพย์ถาวรและสินทรัพย์รวมถูกใช้งานอย่างเต็มที่ ซึ่งการจะใช้สินทรัพย์ดังกล่าวได้อย่างเต็มที่นั้นขึ้นอยู่กับความพยายามทางการตลาดเป็นสำคัญ ดังนั้น เมื่อการดำเนินงานมีประสิทธิภาพสูงขึ้น จะทำให้มีสภาพคล่องดีขึ้นด้วย นอกจากนี้ควรปรับปรุงนโยบายการจัดหาเงินทุนให้สอดคล้องกับอายุการใช้งานของสินทรัพย์ สำหรับทางด้านการตลาดนั้น ควรมีหน่วยงานของรัฐบาลตั้งขึ้นเพื่อศึกษาภาวะตลาดเส้นใยของโลก ความต้องการเส้นใยประเภทต่างๆ เพื่อให้ผู้ผลิตในประเทศปรับตัวทำการผลิตประเภทของเส้นใยได้ถูกต้องตามความต้องการของตลาด สิ่งสำคัญที่รัฐบาลควรให้ความสนใจอย่างรีบด่วนในขณะนี้คือ ควรสนับสนุนให้มีอุตสาหกรรมฐานของอุตสาหกรรมเส้นใยประดิษฐ์ คือ อุตสาหกรรมผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูป เพื่อรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมเส้นใยประดิษฐ์ในอนาคตด้วย

Share

COinS