Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

ปัจจัยที่ยังผลต่อการมีภาระ : ศึกษาเฉพาะกรณีลูกจ้างในสถานประกอบการอุตสาหกรรม ในจังหวัดปทุมธานี

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

Factors effecting dependency : a case study of industrial workers in Pathum Thani province

Year (A.D.)

1981

Document Type

Thesis

First Advisor

นพวรรณ จงวัฒนา

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

สังคมวิทยามหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

สังคมวิทยาและมานุษยวิทยา

DOI

10.58837/CHULA.THE.1981.513

Abstract

การศึกษาเรื่อง ปัจจัยที่ยังผลต่อการมีภาระ โดยศึกษาเฉพาะกรณีลูกจ้างในสถานประกอบการอุตสาหกรรมในจังหวัดปทุมธานี ครั้งนี้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการมีภาระซึ่งได้แก่จำนวนผู้เป็นภาระ และลักษณะของการรับภาระเลี้ยงดู ซึ่งแบ่งเป็น ๒ ประเภทคือ การมีภาระโดยสมบูรณ์และบางส่วน ตลอดจนลักษณะทางด้านสังคม เศรษฐกิจและประชากรของลูกจ้าง ข้อมูลที่นำมาใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้ทำการสำรวจจากกลุ่มลูกจ้างจำนวน ๔๕๒ คนที่ทำงานในสถานประกอบการอุตสาหกรรมในเขตจังหวัดปทุมธานี จำนวน ๙ แห่ง ที่ตกเป็นตัวอย่างจากจำนวนทั้งสิ้นประมาณ ๕๐ แห่ง ลักษณะเบื้องต้นของข้อมูลที่ใช้ในการศึกษาพบว่า ลูกจ้างมีอัตราส่วนระหว่างเพศ ๑๐๓ มีอายุเฉลี่ย ๒๗.๓ ปี และส่วนใหญ่ร้อยละ ๖๒.๖ มีอายุระหว่าง ๒๐-๒๙ ปี สำหรับสถานภาพสมรสปรากฏว่า มีผู้เป็นโสดและสมรสจำนวนใกล้เคียงกัน และผู้เคยสมรสมีจำนวนบุตรมีชีวิตโดยเฉลี่ย ๒.๓ คน เกี่ยวกับลักษณะที่อยู่อาศัยปรากฏว่า ลูกจ้างประมาณร้อยละ ๔๒ อาศัยอยู่ในหอพักคนงาน ส่วนที่เหลืออาศัยอยู่บ้านของตนเอง บ้านเช่า บ้านบิดา/มารดาและอื่น ๆ โดยร้อยละ ๓๘ มีลักษณะครอบครัวเดียว และร้อยละ ๒๐ มีลักษณะครอบครัวขยาย ทั้งนี้ลูกจ้างส่วนใหญ่มีภูมิลำเนาเกิดในภาคกลาง ในแง่ลักษณะทางเศรษฐกิจ-สังคมของลูกจ้างพบว่า ส่วนใหญ่ร้อยละ ๔๓ สำเร็จชั้นประถมปีที่ ๔ ส่วนที่เกี่ยวกับอาชีพปรากฏว่า ประมาณร้อยละ ๔๘ เป็นคนงานไร้ฝีมือ ร้อยละ ๓๑ เป็นช่างฝีมือ นอกจากนั้นประกอบอาชีพวิชาชีพ บริหารและงานเสมียน การศึกษาในเรื่องนี้ได้แบ่งลักษณะการมีภาระออกเป็น ๒ แบบ คือการมีภาระโดยสมบูรณ์และการมีภาระบางส่วน จากการศึกษาพบว่า ลูกจ้างที่มีลักษณะครอบครัวเดี่ยว มีจำนวนผู้เป็นภาระโดยสมบูรณ์โดยเฉลี่ย ๒.๗ คน สูงกว่าผู้มีลักษณะครอบครัวขยาย ซึ่งมีจำนวน ๒.๔ คน ทั้งนี้ลูกจ้างที่มีจำนวนสมาชิกในครัวเรือนสูงกว่า มีแนวโน้มของจำนวนผู้เป็นภาระสูงกว่าผู้ที่มีจำนวนสมาชิกในครัวเรือนต่ำกว่า สำหรับการศึกษาของลูกจ้างพบว่า มีอิทธิพลทำให้มีภาระเลี้ยงดูแตกต่างกัน โดยลูกจ้างที่มีการศึกษาระดับมัธยมศึกษาปีที่ ๑-๓ และประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงมีภาระโดยสมบูรณ์มากที่สุด ขณะที่ลูกจ้างที่มีการศึกษาระดับมัธยมศึกษาปีที่ ๔-๕ มีภาระบางส่วนมากที่สุด อาชีพมีอิทธิพลต่อความแตกต่างของการมีภาระ โดยลูกจ้างที่ประกอบอาชีพ วิชาชีพ วิชาการ มีภาระโดยสมบูรณ์สูงกว่าผู้ประกอบอาชีพอื่น ๆ ขณะที่ลูกจ้างที่ประกอบอาชีพเกี่ยวกับการขนส่ง คมนาคม และกรรมกร มีภาระบางส่วนมากที่สุด ในแง่รายได้ของลูกจ้างพบว่า ลูกจ้างที่มีรายได้สูงมีภาระโดยสมบูรณ์สูงกว่าลูกจ้างที่มีรายได้ต่ำกว่า แต่ลูกจ้างที่มีรายได้ระดับกลางมีภาระบางส่วนสูงที่สุด นอกจากนี้การทำงานของคู่สมรสยังช่วยแบ่งเบาภาระเลี้ยงดูของลูกจ้างได้ทางหนึ่งฉะนั้นลูกจ้างที่มีคู่สมรสทำงานจึงรับภาระบางส่วนเท่านั้น เมื่อพิจารณาปัจจัยทางด้านประชากร ในการศึกษานี้พบว่า ลูกจ้างที่มีอายุมากมีภาระโดยสมบูรณ์สูงกว่าลูกจ้างที่มีอายุน้อยกว่า แต่มีภาระบางส่วนต่ำกว่า อันเป็นการเปลี่ยนความรับผิดชอบจากเพียงบางส่วนเป็นทั้งหมดเมื่อลูกจ้างอายุเพิ่มขึ้น ในแง่สถานภาพสมรส มีผลทำให้การมีภาระแตกต่างกันด้วย โดยลูกจ้างที่มีสถานภาพสมรส มีภาระโดยสมบูรณ์สูงกว่าสถานภาพอื่น ขณะที่ลูกจ้างที่มีสถานภาพโสด มีภาระบางส่วนสูงกว่าสถานภาพอื่นเช่นกัน สำหรับจำนวนบุตรพบว่า ลูกจ้างที่มีจำนวนบุตรมีชีวิตมาก มีภาระโดยสมบูรณ์สูงกว่าลูกจ้างที่มีบุตรมีชีวิตน้อยกว่า แต่มีภาระบางส่วนต่ำกว่า ในเรื่องระยะเวลาที่อาศัยอยู่ในสถานที่อยู่ปัจจุบันและสถานที่เกิด มีอิทธิพลต่อจำนวนผู้เป็นภาระเช่นกัน โดยลูกจ้างที่อาศัยในตำบลที่อยู่ปัจจุบันนานกว่า มีภาระโดยสมบูรณ์สูงกว่าผู้ที่อาศัยอยู่ภายหลัง นอกจากนี้ ลูกจ้างที่มีบ้านของตนเอง มีภาระโดยสมบูรณ์สูงกว่าผู้อาศัยอยู่ในที่อื่น ๆ

Share

COinS