Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การเปรียบเทียบผลของวิธีการให้คะแนนต่อค่าความตรง ความเที่ยง และความคงที่ ของอันดับที่ของแบบสอบการอ่านเข้าใจความภาษาอังกฤษ ที่มีโครงสร้างความรู้ต่างกัน

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

Comparison of the effects of weighting scoring methods on validity, reliability and rank consistency of an English reading comprehension test with different schemata

Year (A.D.)

1985

Document Type

Thesis

First Advisor

สมหวัง พิธิยานุวัฒน์

Second Advisor

กัญดา ธรรมมงคล

Third Advisor

ชูศักดิ์ ขัมภลิขิต

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

ครุศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

การวัดและประเมินผลการศึกษา

DOI

10.58837/CHULA.THE.1985.69

Abstract

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเปรียบเทียบว่า 1) ค่าความตรงเชิงพยากรณ์ ความเที่ยง อันดับที่และความสัมพันธ์ของคะแนนของแบบสอบอิงกลุ่ม ที่ให้คะแนน 5 วิธี คือ ก) ใช้ค่าเดลต้า (∆) ข) ใช้ค่าเบต้าแปลง (βt) ค) ใช้ค่าผลบวกความแปรปรวนร่วม (h2) ง) ใช้ค่าน้ำหนักคะแนนที่เหมาะสม (w) และ จ) วิธีประเพณีนิยมมีความแตกต่างกันหรือไม่ 2) ค่าความเที่ยงของแบบสอบอิงเกณฑ์ ที่ได้คะแนนโดยวิธีต่าง ๆ ดังกล่าวแล้ว แตกต่างกันหรือไม่ 3) ชื่อเรื่องและภาพประกอบเรื่อง กับความคุ้นเคยต่อเรื่องที่อ่านมีผลต่อการอ่านเข้าใจความหรือไม่ และ 4) ความคุ้นเคยมีความสัมพันธ์กับความยากง่ายของเรื่องมากน้อยเพียงใด พลวิจัยในการวิจัย ได้แก่ นิสิตชั้นปีที่ 1 ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จำนวน 1,872 คน ซึ่งได้มาจากการสุ่ม เครื่องมือในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบความสามารทั่วไปในการอ่านเข้าใจความภาษาอังกฤษ 2 แบบ คือ แบบสอบที่ไม่มีชื่อเรื่องและภาพประกอบเรื่อง และแบบสอบที่มีชื่อเรื่องและภาพประกอบเรื่อง ซึ่งมีค่าความเที่ยง .856 และ .862 ตามลำดับ การวิเคราะห์ข้อมูลใช้วิธีการทดสอบหลายอย่าง เช่น สถิติที (t-test) สถิติซี (z-test) สถิติไคสแดวร์ (X2-test) และการวิเคราะห์ความแปรปรวน เป็นต้น ผลการวิจัยที่สำคัญมีดังนี้ 1. ความตรงเชิญพยากรณ์ของแบบสอบอิงกลุ่ม ที่ให้คะแนนวิธีต่าง ๆ มีค่าในระดับปานกลาง และไม่แตกต่างกัน ยกเว้นการให้คะแนนโดยวิธีใช้ค่าน้ำหนักคะแนนที่เหมาะสม (W) ซึ่งทำให้แบบสอบที่ไม่มีชื่อเรื่องและภาพประกอบเรื่อง มีค่าความตรงเชิงพยากรณ์ต่ำที่สุด การให้คะแนนโดยวิธีใช้ค่าเบต้าแปลง (βt) ทำให้แบบสอบที่มีชื่อเรื่องและภาพประกอบเรื่อง มีค่าความตรงเชิงพยากรณ์ต่ำที่สุด 2. ความเที่ยงของแบบสอบอิงกลุ่มทั้ง 2 แบบ ที่ให้คะแนนวิธีต่างๆ มีค่าสูงทุกวิธี แบบสอบที่ให้คะแนนโดยวิธีใช้ค่าน้ำหนักคะแนนที่เหมาะสม (W) มี่ค่าความเที่ยงสูงสุด 3. เมื่อจุดตัดอยู่ระหว่างร้อยละ 0 ถึง 100 ความเที่ยงของแบบสอบอิงเกณฑ์ ที่ให้คะแนนวิธีต่าง ๆ มีค่าโดยเฉลี่ยสูงมาก การให้คะแนนโดยวิธีประเพณีนิยมทำให้แบบสอบทั้ง 2 แบบ มีค่าความเที่ยงสูงที่สุด แต่ถ้าจุดตัดอยู่ระหว่างร้อยละ 50 ถึง 100 ความเที่ยงของแบบสอบที่ให้คะแนนวิธีต่าง ๆ มีค่าโดยเฉลี่ยสูง การให้คะแนนโดยวิธีใช้ค่าเบต้าแปลง (βt) ทำให้แบบสอบทั้ง 2 แบบ มีค่าความเที่ยงสูงที่สุด 4. เมื่อเปรียบเทียบกับอันดับที่ของคะแนนของวิธีประเพณีนิยม การให้คะแนนวิธีต่าง ๆ ทำให้อันดับที่ของคะแนนของแบบสอบทั้ง 2 แบบ มีความคงที่สูงมาก 5. คะแนนของแบบสอบแต่ละแบบที่ให้คะแนนวิธีต่างกัน ต่างก็มีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันในระดับสูงมาก 6. ชื่อเรื่องและภาพประกอบเรื่อง ไม่มีผลต่อการอ่านเข้าใจความภาษาอังกฤษแต่ความคุ้นเคยต่อสาระของเรื่องมีผลต่อการอ่าน ผู้สอบอ่านเรื่องที่ตนคุ้นเคยมากกว่าได้เข้าใจมากกว่าเรื่องที่ตนคุ้นเคยน้อยกว่า 7. ความคุ้มเคยต่อเรื่องที่อ่านมีความสัมพันธ์กับความยากง่ายของเรื่องในระดับปานกลาง

Share

COinS