Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
การเสริมสร้างความมั่นคงในระดับหมู่บ้าน : ศึกษากรณีโครงการหมออาสาหมู่บ้านในจังหวัดอุดรธานี
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
Security at vevel : promotion of village para-medic volunteer programe in Changwat Udon Thani
Year (A.D.)
1985
Document Type
Thesis
First Advisor
ปรีชา หงษ์ไกรเลิศ
Faculty/College
Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)
Degree Name
รัฐศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
การปกครอง
DOI
10.58837/CHULA.THE.1985.479
Abstract
พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) ได้เริ่มใช้ยุทธศาสตร์ป่าล้อมบ้าน บ้านล้อมเมือง เมืองล้อมนคร ในการต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจรัฐ ทั้งทางด้านการเมืองและการทหารควบคู่กัน ตั้งแต่ พ.ศ. 2508 เป็นต้นมา รัฐบาลทุกรัฐบาลได้ดำเนินการป้องกันและปราบปรามผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ (ผกค.) ด้วยวิธีการต่าง ๆ แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ ไม่สามารถหยุดยั้งการแพร่ขยายลัทธิคอมมิวนิสต์ของ พคท. ได้ จนกระทั่งใน พ.ศ. 2518 กองทัพภาคที่ 2 ส่วนหน้า จังหวัดสกลนครได้ริเริ่มใช้นโยบายการเมืองนำการทหารในการต่อสู้กับ ผกค. ด้วยวิธีการทำบ้านล้อมป่า โดยมีเป้าหมายที่จะเอาชนะ ผกค. ที่หมู่บ้านในชนบทด้วยการเสริมสร้างความมั่นคงให้เกิดแก่หมู่บ้าน ทั้งทางเศรษฐกิจ การเมือง สังคม และการทหาร ต่อมานโยบายการเมืองนำการทหารของกองทัพภาคที่ 2 ส่วนหน้า จังหวัดสกลนคร ได้รับการยอมรับว่าเป็นนโยบายที่เหมาะสม ในการที่จะต่อสู้เพื่อเอาชนะคอมมิวนิสต์ จึงได้แพร่ขยายออกไปทุกกองทัพภาคของประเทศ เป็นนโยบายในการป้องกันและปราบปรามคอมมิวนิสต์ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) และมีส่วนก่อให้เกิดนโยบายการเมืองนำการทหารของรัฐบาล ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 66/2523 และ 65/2525 จวบจนถึงปัจจุบัน โครงการหมออาสาหมู่บ้านนับเป็นโครงการหนึ่งตามนโยบายการเมืองนำการทหารที่ได้ริเริ่มดำเนินการโดยกองทัพภาคที่ 2 ส่วนหน้าจังหวัดสกลนคร เมื่อ พ.ศ. 2519 วัตถุประสงค์เพื่อต่อสู้กับแนวความคิดหมอเท้าเปล่าหรือฝ่ายหมอ ฝ่ายอนามัยของ พคท. ด้วยการศึกษาอบรมตัวแทนประชาชนในหมู่บ้านเพื่อเป็นตัวแทนของรัฐ ในด้านการให้บริการรักษาพยาบาลเล็ก ๆ น้อย ๆ แก่ประชาชนในหมู่บ้านเป้าหมายในเขตแทรกซึมของ ผกค. โดยไม่คิดมูลค่า เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงให้เกิดแก่หมู่บ้านทางด้านสังคม จิตวิทยา ด้านสุขภาพ อนามัย และทางด้านการเมือง และโครงการนี้ได้แพร่หลายออกไปทุกภาคของประเทศ จนกระทั่งใน พ.ศ. 2523 ได้มีการแปรสภาพหมออาสาหมู่บ้าน (ม.อ.บ.) ไปเป็นผู้สื่อข่าวสารสาธารณสุข (ผสส.) และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ของกระทรวงสาธารณสุข เนื่องจากมีภารกิจและบทบาทหน้าที่คล้ายคลึงกันและเพื่อให้สอดคล้องกับโครงการสาธารณสุขมูลฐานของรัฐบาล โดยได้แปรสภาพ ม.อ.บ. เป็น ผสส./อสม. ทั้งหมดเมื่อ พ.ศ. 2526 ในการศึกษาวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ทำการศึกษาประชากรจำนวน 2 ประเภท คือ ประชาชนในหมู่บ้าน ที่มีหมออาสาหมู่บ้าน (ม.อ.บ.) ปฏิบัติงานจำนวน 4 หมู่บ้านในจังหวัดอุดรธานี ซึ่งเป็นหมู่บ้านเป้าหายที่มีการแทรกซึมของ ผกค. ประเภท ค2. จำนวน 348 คน และหมออาสาหมู่บ้าน (ม.อ.บ.) จำนวน 33 คนจากจำนวน 33 หมู่บ้าน โดยได้จัดทำแบบสอบถาม จำนวน 2 ชุด สอบถามบุคคลดังกล่าวทั้ง 2 ประเภทและได้ใช้วิธีการวิเคราะห์ข้อมูลเปรียบเทียบเป็นอัตราส่วนร้อยละ และตามแบบวิธีของลิเคิร์ท (Likert Scale) ซึ่งผู้วิจัยได้ตั้งสมมติฐานเพื่อเป็นแนวทางในการศึกษาวิจัย จำนวน 3 สมมติฐาน คือ สมมติฐานที่ 1 โครงการหมออาสาหมู่บ้าน (ม.อ.บ.) มีส่วนในการเสริมสร้างความมั่นคงให้เกิดแก่หมู่บ้าน เนื่องจากเป็นโครงการที่มีส่วนเสริมสร้างขวัญและกำลังใจให้ประชาชนในหมู่บ้านมีความรู้สึกว่าไม่ได้ถูกทางราชการทอดทิ้ง สมมติฐานที่ 2 หมออาสาหมู่บ้าน (ม.อ.บ.) มีบทบาทในการเสริมสร้างความมั่นคงให้เกิดแก่หมู่บ้าน สมมติฐานที่ 3 ปัญหาและอุปสรรคในการปฏิบัติหน้าที่ของหมออาสาหมู่บ้าน (ม.อ.บ.) เกิดจากปัญหาการขาดแคลนยารักษาโรค และปัญหาทางด้านเศรษฐกิจมากกว่าจะเกิดปัญหาด้านความปลอดภัยหรือปัญหาความขัดแย้งระหว่างหมออาสาหมู่บ้าน (ม.อ.บ.) กับชาวบ้าน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และเจ้าหน้าที่ของทางราชการ ผลการศึกษาวิจัยพบว่าสมมติฐานที่ตั้งไว้ทั้ง 3 ประการเป็นความจริง กล่าวคือจากการคำนวณค่ามัชฌิมเลขคณิต (Likert Scale) ตามแบบวิธีของลิเคิล์ท (Likert Scale) ปรากฏว่า สมมติฐานที่ 1 ได้ค่า X̅ = 3.97 ซึ่งช่วงคะแนนอยู่ในระดับที่สูง (3.5 – 4.2) สมมติฐานที่ 2 ได้ค่า X̅ = 3.70 ซึ่งช่วงคะแนนอยู่ในระดับที่สูง (3.5 – 4.2) สมมติฐานที่ 3 ได้ค่า X̅ = 4.11 ซึ่งช่วงคะแนนอยู่ในระดับที่สูง (3.5 – 4.2) และสามารถเรียงลำดับความสำคัญของปัญหาของสมมติฐานที่ 3 ได้ดังนี้ คือ ปัญหาด้านเศรษฐกิจ (X̅ = 4.58) ปัญหาด้านการขาดแคลนยารักษาโรค (X̅ = 4.19) ปัญหาด้านความปลอดภัย (X̅ = 4.08) และปัญหาด้านความขัดแย้งระหว่างบุคคลต่าง ๆ (X̅ = 3.60) อย่างไรก็ตามแม้ว่าโครงการหมออาสาหมู่บ้าน (ม.อ.บ.) จะมีส่วนในการเสริมสร้างความมั่นคงให้เกิดแก่หมู่บ้านแต่จากการศึกษาพบว่า โครงการหมออาสาหมู่บ้าน (ม.อ.บ.) เป็นโครงการเฉพาะกิจ เป็นมาตรการชั่วคราวของรัฐบาลในระยะเวลาสั้นที่มุ่งแก้ไขปัญหาด้านการบริการสาธารณสุข ในชนบทและในทางการเมือง ดังนั้นเมื่อโครงการนี้ได้มีการแปรสภาพ หมออาสาหมู่บ้าน (ม.อ.บ.) เป็น ผสส./อสม. จึงอาจมีผลกระทบต่อทัศนคติที่มีต่อรัฐบาลของหมออาสาหมู่บ้าน (ม.อ.บ.) และประชาชนที่เคยได้รับบริการ ผู้ศึกษาวิจัยมีข้อเสนอแนะดังนี้ 1. กระทรวงสาธารณสุขควรรับโครงการหมออาสาหมู่บ้าน (ม.อ.บ.) ให้เป็นงานประจำของกระทรวง โดยแต่งตั้งให้หมออาสาหมู่บ้าน (ม.อ.บ.) ทุกคนที่แปรสภาพทั้งหมดเป็น อสม. แทนที่จะเป็น ผสส. โดยยกเว้นหลักเกณฑ์การคัดเลือก อสม. ที่ใช้วิธีการคัดเลือกจาก ผสส. เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียทรัพยากรบุคคลและสูญเปล่าในวิชาความรู้ของหมออาสาหมู่บ้าน (ม.อ.บ.) และกระทรวงสาธารณสุขควรจัดการฝึกอบรมทบทวนให้แก่หมออาสาหมู่บ้าน (ม.อ.บ.) ที่แปรสภาพ 2. กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ควรร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขดำเนินการติดตาม ประเมินผล หมออาสาหมู่บ้าน (ม.อ.บ.) ที่ถูกแปรสภาพเพื่อทราบถึงทัศนคติ ความพึงพอใจ ปัญหาและอุปสรรคในบทบาทหน้าที่ใหม่ (ผสส./อสม.) เพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไข และกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ควรสั่งการให้ อำเภอ/กิ่งอำเภอ สำรวจและขึ้นบัญชีหมออาสาหมู่บ้าน (ม.อ.บ.) ที่แปรสภาพเพื่อใช้เป็นกำลังทดแทนเมื่อขาดแคลนแพทย์และพยาบาล 3. รัฐบาลควรมีนโยบายแน่ชัดในการมอบหมายบทบาทหน้าที่ อสม. รวมทั้ง อสบ. ที่แปรสภาพจากหมออาสาหมู่บ้าน (ม.อ.บ.) ให้เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการฝ่ายสาธารณสุขของสภาตำบล คณะกรรมการหมู่บ้าน (กม.) หรือคณะกรรมการหมู่บ้านอาสาพัฒนาและป้องกันตนเอง (อพป.) โดยตำแหน่ง เนื่องจากเป็นผู้มีความรู้ทางด้านการสาธารณสุขขั้นมูลฐาน สามารถช่วยองค์กรของตำบลและหมู่บ้านได้ 4. รัฐบาลควรขยายสถานบริการสาธารณสุขจากระดับตำบล ไปสู่ระดับหมู่บ้านโดยควรกำหนดไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 6 5. กระทรวงสาธารณสุขควรที่จะปรับปรุงบุคลิกภาพของเจ้าหน้าที่ที่ให้บริการทางด้านสาธารณสุขแก่ประชาชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งการปฏิบัติต่อประชาชนในชนบท ด้วยความสุภาพ อ่อนโยน มากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน 6. รัฐบาลมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขจัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ของโรงพยาบาล อำเภอ/กิ่งอำเภอ ออกไปรักษาพยาบาลประชาชนในชนบทร่วมกับโครงการอำเภอเคลื่อนที่ของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย.
Creative Commons License

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
นุตราวงศ์, ภุชงค์, "การเสริมสร้างความมั่นคงในระดับหมู่บ้าน : ศึกษากรณีโครงการหมออาสาหมู่บ้านในจังหวัดอุดรธานี" (1985). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 53957.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/53957