Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
การศึกษาต้นทุนการผลิตและการจำหน่ายอ้อยของเกษตรกร ในเขตเกษตรเศรษฐกิจ และนอกเขตเกษตรเศรษฐกิจ
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
The study on the cost of production and distribution of sugarcane within and outside the agro-economics zone
Year (A.D.)
1985
Document Type
Thesis
First Advisor
ฉัตร ช่ำชอง
Second Advisor
นันทพร เลิศบุศย์
Faculty/College
Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)
Degree Name
บัญชีมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
การบัญชี
DOI
10.58837/CHULA.THE.1985.440
Abstract
อ้อยเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ เนื่องจากเป็นวัตถุดิบที่สำคัญในการผลิตน้ำตาล ซึ่งน้ำตาลนอกจากจะเป็นสินค้าที่จำเป็นสำหรับการบริโภคภายในประเทศแล้ว ยังเป็นสินค้าที่สำคัญต่อการส่งออกนำรายได้มาสู่ประเทศเป็นจำนวนมาก ดังนั้นอ้อยจึงเป็นพืชที่เกษตรกรนิยมปลูกกันมากในภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตามลำดับ จากปริมาณการจดทะเบียนการผลิตอ้อยในเขตเกษตรเศรษฐกิจในปีพ.ศ. 2525 ปรากฏว่าในเขต 31 จังหวัด 127 อำเภอและกิ่งอำเภอ มีผู้มาจดทะเบียน 102,196 ราย พื้นที่ผลิตรวม 4.03 ล้านไร่ และปริมาณผลผลิตอ้อยรวม 33.06 ล้านตัน หรือร้อยละ 97 ของปริมาณอ้อยทั้งหมด สำหรับเกษตรกรที่ปลูกอ้อยนอกเขตเกษตรเศรษฐกิจ ในเขต 31 จังหวัด 98 อำเภอ และกิ่งอำเภอ มีจำนวน 4,464 ราย พื้นที่ผลิต 118,089 ไร่ และมีปริมาณผลผลิตอ้อย 1.04 ล้านตัน วัตถุประสงค์หลักของวิทยานิพนธ์นี้ก็เพื่อทำการศึกษาต้นทุนการผลิตและการจำหน่ายอ้อยของเกษตรกรในเขตเกษตรเศรษฐกิจ เปรียบเทียบกับเกษตรกรนอกเขตเกษตรเศรษฐกิจ วิธีการศึกษากระทำโดยการออกแบบสอบถามเพื่อสัมภาษณ์เกษตรกรที่อยู่ในเขตที่จะทำการสำรวจ คือ ภาคกลาง ในเขตเกษตรเศรษฐกิจ – อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นอกเขตเกษตรเศรษฐกิจ – อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในเขตเกษตรเศรษฐกิจ – อำเภอน้ำพองและอำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น นอกเขตเกษตรเศรษฐกิจ – อำเภอภูเขียวและอำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ ข้อมูลที่ได้จากการสอบถามจะนำมาคำนวณต้นทุนการผลิตและการจำหน่ายอ้อยของแต่ละเขตโดยการเฉลี่ยแบบธรรมดา แบบถ่วงน้ำหนักสำหรับการวิเคราะห์ต้นทุนการผลิตและการจำหน่ายอ้อยจะใช้วิธีการเปรียบเทียบระหว่างเกษตรกรที่มีขนาดพื้นที่ผลิตต่างกันในเขตเดียวกัน และเปรียบเทียบระหว่างเกษตรกรในเขตเกษตรเศรษฐกิจ กับเกษตรกรนอกเขตเกษตรเศรษฐกิจ นอกจากนี้จะคำนวณค่าใช้จ่ายแต่ละรายการเป็นค่าร้อยละของต้นทุนรวมด้วย ผลจากการศึกษาปรากฏว่าการปลูกอ้อยในพื้นที่ขนาดเล็ก และขนาดกลางไม่เกิน 100 ไร่ ทั้งใจและนอกเขตเกษตรเศรษฐกิจจะเสียต้นทุนในการผลิตอ้อยต่ำกว่าการปลูกอ้อยในพื้นที่ขนาดใหญ่ และเกษตรกรนอกเขตเกษตรเศรษฐกิจมีต้นทุนการผลิตอ้อยต่ำกว่าเกษตรกรในเขตเกษตรเศรษฐกิจ แต่มีต้นทุนการจำหน่ายอ้อยสูงกว่า อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาถึงต้นทุนรวมปรากฏว่าเกษตรกรที่อยู่นอกเขตเกษตรเศรษฐกิจมีต้นทุนการผลิตและการจำหน่ายอ้อยสูงกว่าเกษตรกรที่อยู่ในเขตเกษตรเศรษฐกิจ เกษตรกรในเขตอำเภอบางสะพาน มีต้นทุนการผลิตและการจำหน่ายอ้อยตันละ 487.08 บาท สูงกว่าต้นทุนของเกษตรกรในเขตอำเภอปราณบุรีตันละ 41.02 บาท ในขณะที่เกษตรกรในเขตอำเภอปราณบุรีมีต้นทุนการผลิตและการจำหน่ายอ้อยตันละ 446.06 บาท เกษตรกรในเขตจังหวัดชัยภูมิ มีต้นทุนการผลิตและการจำหน่ายอ้อยตันละ 454.77 บาท สูงกว่าต้นทุนของเกษตรกรในเขตจังหวัดขอนแก่นตันละ 28.76 บาท ในขณะที่เกษตรกรในเขตจังหวัดขอนแก่นมีต้นทุนการผลิตและการจำหน่ายอ้อยตันละ 428.01 บาท จากผลของการเปรียบเทียบดังกล่าวข้างต้น สรุปได้ว่าการที่เกษตรกรนอกเขตเกษตรเศรษฐกิจมีต้นทุนรวมสูงกว่าเนื่องจากเกษตรกรกลุ่มนี้มีแหล่งผลิตอยู่ไกลจากโรงงานน้ำตาลมากทำให้เสียค่าขนส่งสูง และจากการคำนวณค่าร้อยละของค่าใช้จ่ายแต่ละรายการต่อต้นทุนรวมปรากฏว่าค่าขนส่งเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่ทำให้ต้นทุนของเกษตรกรไร่อ้อยสูง คิดเป็นร้อยละ 24.71 ของต้นทุนรวมโดยเฉลี่ยทุกเขตดังนั้นการที่รัฐบาลกำหนดเขตเกษตรเศรษฐกิจของอ้อยให้เกษตรกรปลูกในรัศมีห่างจากโรงงานไม่เกิน 100 กิโลเมตร จึงเป็นการสมควร นั่นคืนเกษตรกรที่อยู่นอกเขตเกษตรเศรษฐกิจไม่ควรจะปลูกอ้อยอีกต่อไป ปัญหาในการผลิตและการจำหน่ายอ้อยเป็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับบุคคลหลายฝ่ายทั้งฝ่ายเกษตรกร โรงงานน้ำตาล และรัฐบาล จากการศึกษานี้พบว่ามีปัญหาที่สำคัญคือ ปัญหาด้านการผลิตการตัดและขนส่งอ้อย ซึ่งมักเกิดจากเกษตรกรขาดความรู้ และ/หรือไม่สนใจที่จะปรับปรุงวิธีการผลิต ตลอดทั้งไม่มีการวางแผนในการตัดและขนส่งอ้อย ทำให้ได้ผลผลิตอ้อยที่มีคุณภาพต่ำ ความหวานน้อย นอกจากนี้ปัญหาด้านต้นทุนที่ค่อนข้างสูง และด้านการตลาดของอ้อยซึ่งเกิดจากความขัดแย้งในเรื่องการกำหนดราคาอ้อยระหว่างเกษตรกรและโรงงาน้ำตาล ตลอดทั้งวิธีการซื้อขายอ้อยก็เป็นปัญหาที่สำคัญที่เกิดขึ้นทุกฤดูการผลิต สำหรับข้อเสนอแนะซึ่งเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาต่างๆ ก็คือเกษตรกร โรงงานน้ำตาล และรัฐบาลจะต้องร่วมมือกันและพัฒนาไปพร้อมๆ กันทุกด้าน เช่นหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องควรให้คำแนะนำ ช่วยเหลือเกษตรกรในด้านการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทำการวิจัยเรื่องพันธุ์อ้อยให้ได้พันธุ์ที่เหมาะสม มีการกำหนดแหล่งผลิตอ้อยที่เหมาะสม ฯลฯ ปัจจุบันรัฐบาลได้นำเอาระบบแบ่งปันผลประโยชน์แบบ 70:30 มาใช้ทำให้เกษตรกร โรงงานน้ำตาล และรัฐบาลได้เข้ามามีบทบาทในการซื้อขายร่วมกัน การศึกษานี้เห็นด้วยกับนโยบายวิธีการซื้อขายอ้อยตามระบบความหวาน ซึ่งรัฐบาลจะนำมาใช้ทั่วประเทศในปีการผลิต 2529-30 เพราะจะเป็นแรงจูงใจให้ทั้งเกษตรกรและโรงงานน้ำตาลพัฒนาคุณภาพการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด อย่างไรก็ตามจะต้องมีการกำหนดประสิทธิภาพของโรงงาน คุณภาพของน้ำตาล และวิธีวัดปริมาณน้ำตาลในอ้อยให้เป็นมาตรฐาน เหมาะสมและเป็นธรรมกับทุกๆ ฝ่ายด้วย
Creative Commons License

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
พัฒนศรี, รุจิรัตน์, "การศึกษาต้นทุนการผลิตและการจำหน่ายอ้อยของเกษตรกร ในเขตเกษตรเศรษฐกิจ และนอกเขตเกษตรเศรษฐกิจ" (1985). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 53946.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/53946