Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
หลักเกณฑ์ในการใช้ข้อมูลทางการบัญชีในการประกอบการพิจารณา กำหนดอัตราอากรขาเข้าเพื่อคุ้มครองอุตสาหกรรมภายในประเทศ
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
Basis in the use of accounting data for consideration in the determination of import duty rates for protection of domestic industries
Year (A.D.)
1985
Document Type
Thesis
First Advisor
บุญยง ทิพยโส
Faculty/College
Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)
Degree Name
บัญชีมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
การบัญชี
DOI
10.58837/CHULA.THE.1985.438
Abstract
การคุ้มครองอุตสาหกรรมในประเทศไทย เป็นผลมาจากนโยบายพัฒนาประเทศ ซึ่งการพัฒนาอุตสาหกรรมเป็นจุดมุ่งหมายหลัก ฉะนั้นรัฐจึงต้องใช้นโยบายและมาตรการต่างๆ เป็นเครื่องมือเพื่อให้เกิดผลเป็นการคุ้มครองแก่ผู้ผลิตภายในประเทศทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่น นโยบายภาษีอากร นโยบายควบคุมราคาสินค้า นโยบายเงินช่วยเหลือของธนาคารแห่งประเทศไทย มาตรการส่งเสริมการลงทุน มาตรการควบคุมการนำเข้า มาตรการควบคุมโรงงาน ฯลฯ ในบรรดาเครื่องมือเหล่านี้ มาตรการทางภาษีอากรเป็นเครื่องมือที่สำคัญมากที่รัฐใช้เพื่อให้การคุ้มครองแก่อุตสาหกรรมในประเทศได้ผลโดยทางตรง มาตรการทางภาษีอากร คือการกำหนดอัตราอากรขาเข้าเพื่อให้ผู้ผลิตในประเทศสามารถประกอบการแข่งขันกับผู้ผลิตต่างประเทศได้ โดยจะต้องระวังไม่ให้เกิดผลเสียหายต่อส่วนรวม ซึ่งวิธีการพิจารณากำหนดอัตราอากรขาเข้าดังกล่าว และการคำนวณค่าของอัตราความคุ้มครองที่แท้จริงอันเกิดจากมาตรการทางภาษีอากรนั้น รัฐได้ใช้ข้อมูลทางบัญชีของอุตสาหกรรมมาพิจารณาประกอบกับข้อมูลทางด้านอื่น แต่ยังไม่เคยมีหลักเกณฑ์เขียนไว้เป็นลายลักษณ์อักษร วิทยานิพนธ์นี้จึงเป็นการศึกษาถึงหลักเกณฑ์การใช้ข้อมูลทางบัญชีในการกำหนดอัตราอากรขาเข้า เพื่อคุ้มครองอุตสาหกรรมในประเทศโดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้ทราบถึงวิธีการใช้ข้อมูลทางบัญชีในการกำหนดอัตราอากรขาเข้าเพื่อคุ้มครองอุตสาหกรรมในประเทศ และปัญหาที่เกิดจากการใช้ข้อมูลทางบัญชีดังกล่าว รวมทั้งศึกษาถึงผลดีของการกำหนดอัตราอากรขาเข้า เพื่อความคุ้มครองอุตสาหกรรมในประเทศ โดยใช้ข้อมูลทางบัญชี และไม่ใช่ข้อมูลทางบัญชี จากการศึกษาจากเอกสารต่างๆ และการสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง จึงได้ทำการรวบรวมความคิดเห็น และวิธีการที่ทางราชการใช้ในการพิจารณากำหนดอัตราอากรขาเข้า เพื่อคุ้มครองอุตสาหกรรมในประเทศ เฉพาะเท่าที่สามารถเปิดเผยได้มาวิเคราะห์เป็นกรณีตัวอย่าง 2 กรณี และได้ทำการวิเคราะห์ในเชิงปริมาณเพิ่มเติมเพื่อแสดงผลเกี่ยวกับประสิทธิภาพในการบริหาร เสถียรภาพทางการเงิน ความสามารถในการกระจายรายได้ และความเจริญเติบโตของอุตสาหกรรม จะได้เป็นแนวทางการใช้ข้อมูลทางบัญชีให้ประโยชน์ได้มากยิ่งขึ้น ผลสรุป คือการใช้ข้อมูลทางบัญชีในการกำหนดอัตราอากรขาเข้า เพื่อคุ้มครองอุตสาหกรรมในประเทศ ทำให้มีเหตุผลในการพิจารณาอย่างชัดเจนมากกว่ากรณีที่ไม่ใช้ข้อมูลทางบัญชี เพราะมีผลลัพธ์จากการคำนวณในรูปเปอร์เซ็นต์ หรืออัตราส่วน ตามวิธีวิเคราะห์ ทั้งในลักษณะ Horizontal analysis และ Vertical analysis ทั้งยังมีการวัดระดับอัตราความคุ้มครองที่แท้จริง โดยใช้ข้อมูลทางบัญชีแทนค่าในสูตร EPR (Effective protective rate) ของ W.M. Corden ซึ่งจากการศึกษาปรากฏว่าได้มีการใช้การวิเคราะห์ข้อมูลทางการบัญชีดังกล่าวกับอุตสาหกรรมทุกขนาดและประเภท จึงสามารถวางเป็นหลักเกณฑ์ที่แน่นอนเพื่อใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติงานได้ แต่การที่จะทำให้การคุ้มครองโดยการใช้มาตรการทางภาษีอากรนี้เป็นผลดีแก่เศรษฐกิจและสังคมโดยส่วนรวม จึงมีความจำเป็นต้องวิเคราะห์ในเชิงคุณภาพจากข้อมูลด้านอื่นประกอบด้วยเสมอ เช่นผลกระทบต่ออุตสาหกรรมอื่นในประเทศ ความเดือดร้อนของผู้บริโภค ปัญหาการลักลอบนำสินค้าเข้ามาในประเทศ ปัญหาการหารายได้ทางภาษีอากร ฯลฯ
Creative Commons License

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
ชัยพานิช, ปรียา, "หลักเกณฑ์ในการใช้ข้อมูลทางการบัญชีในการประกอบการพิจารณา กำหนดอัตราอากรขาเข้าเพื่อคุ้มครองอุตสาหกรรมภายในประเทศ" (1985). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 53944.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/53944