Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
การศึกษาด้านการตลาดของตัวยากันเชื้อบิดในอุตสาหกรรมไก่กระทง ในประเทศไทย
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
A study on marketing of anticoccidiosis agents in broiler industry in Thailand
Year (A.D.)
1985
Document Type
Thesis
First Advisor
เผ่าพงศ์ พงศ์พนรัตน์
Second Advisor
สุรพัฒน์ วัชรประทีป
Faculty/College
Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)
Degree Name
พาณิชยศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
การตลาด
DOI
10.58837/CHULA.THE.1985.454
Abstract
โดยที่ประเทศไทย ได้มีแหล่งโปรตีนที่สำคัญแหล่งใหม่คือเนื้อไก่ อุตสาหกรรมไก่กระทงจึงมีบทบาทสำคัญในการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคภายในประเทศ โดยในปี 2527 มีการผลิตไก่กระทงถึง 360 ล้านตัว และกลุ่มผู้ผลิต รายใหญ่ 2-3 รายจาก 12 ราย คุมการผลิตไว้ถึง ร้อยละ 56.60 ของการผลิตไก่กระทงทั้งหมด และในการผลิตไก่กระทงเหล่านี้เกษตรกรส่วนใหญ่ ร้อยละ 99 ใช้อาหารผสมสำเร็จรูป ซึ่งส่วนใหญ่ผลิตโดยบริษัทผู้ผลิตไก่กระทงซึ่งดำเนินกิจการแบบครบวงจร แต่การผลิตไก่กระทงก็ประสบปัญหาด้านโรคบิดประมาณว่ามีเชื้อบิดอยู่ 9 ชนิดแพร่กระจายอยู่ จึงจำเป็นต้องมีตัวยากันเชื้อบิด ผสมในอาหารสำเร็จรูปด้วย ซึ่งบริษัทผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูปจะเป็นผู้ดำเนินการผสมให้ทันทีพร้อมจะนำไปใช้งานได้เลย เนื่องจากตลาดของตัวยากันเชื้อบิดมีขนาดเกือบ 100 ล้านบาท และมีเพียง 6 บริษัทที่นำเข้าซึ่งตัวยากันเชื้อบิด 7 ตัว ประกอบกับลักษณะตลาดของผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูปส่วนใหญ่เป็นการครองตลาดแบบกึ่งผูกขาด ซึ่งตัวยากันเชื้อบิดมีเพียง 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือแบบ Static และแบบ Cidal ที่ใช้เพื่อผลิตอาหารสำเร็จรูป และโดยที่ผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูปกับผู้ผลิตไก่กระทงเป็นกลุ่มบริษัทในเครือเดียวกันเป็นส่วนใหญ่ ตลาดอาหารสำเร็จรูปจึงผูกพันกับการผลิตไก่กระทงด้วย จากการศึกษาด้านการตลาดของตัวยากันเชื้อบิดในอุตสาหกรรมไก่กระทงครั้งนี้พบว่า ตลาดของตัวยากันเชื้อบิด 6 ตัว จากโรงงานผู้ผลิตอาหารชั้นนำ 9 กลุ่ม ผลเป็นดังนี้ อันดับหนึ่งได้แก่ COBAN มีส่วนแบ่งของตลาดสูงสุดคือร้อยละ 44 อันดับสองได้แก่ COXISTAC มีส่วนแบ่งของตลาด ร้อยละ 32 ส่วนยาประเภท Static อาทิเช่น Deccox และ NICARB แม้ตัวยาจะมีประสิทธิภาพราคาถูก แต่ไม่นิยม เพราะมีแนวโน้มจะดื้อยา ส่วน STENOROL แม้ตัวยาจะถูก แต่เพราะข้อจำกัดการกระจายตัวในอาหารจึงได้ส่วนแบ่งของตลาดเพียงร้อยละ 4 สรุปได้ว่า ตลาดของยากันเชื้อบิดจะกว้างเพียงใด ขึ้นอยู่กับอุตสาหกรรมการผลิตอาหารสำเร็จรูป และความต้องการอาหารผสมสำเร็จรูปนั้น ซึ่งในลักษณะของประเทศไทยแล้ว ตลาดผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป คือกลุ่มบริษัทเดียวกันที่ดำเนินการเลี้ยงไก่กระทงจะใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทในเครือเดียวกัน ดังนั้นผู้ใดเจาะให้ถึงผู้ผลิตอาหารผสมสำเร็จรูปรายใหญ่ที่คุมกำลังการผลิตไก่กระทง แล้วย่อมจะมีตลาดของยากันเชื้อบิดมากขึ้นเท่านั้น
Creative Commons License

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
ตันธรรศกุล, ชาย, "การศึกษาด้านการตลาดของตัวยากันเชื้อบิดในอุตสาหกรรมไก่กระทง ในประเทศไทย" (1985). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 53918.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/53918