Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การศึกษาผลกระทบที่เป็นได้จากการใช้นโยบายรักษาเสถียรภาพของระดับราคาปลาสวายต่อการผลิตและการตลาด:bศึกษาเฉพาะกรณีของภาคกลาง

Year (A.D.)

1985

Document Type

Thesis

First Advisor

ทิพาภรณ์ ทวีกุลวัฒน์

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

เศรษฐศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

เศรษฐศาสตร์

DOI

10.58837/CHULA.THE.1985.16

Abstract

ภาคกลางเป็นภาคที่มีการผลิตปลาสวายมากที่สุดของประเทศ ผลผลิตที่เพิ่มขึ้นนี้ เนื่องมาจากความสำเร็จในการผสมเทียมโดยการใช้โฮโมน ในปี 2509 และจากการขยายเนื้อที่การผลิต ปริมาณผลผลิตปลาสวายจากฟาร์มภาคกลางได้เพิ่มสูงขึ้นจาก 878.5 เมตริกตันในปี 2517 เป็น 7032.24 เมตริกตันในปี 2525 ผลผลิตปลาสวายของภาคกลางอีกส่วนหนึ่งเป็นผลผลิตจากแหล่งน้ำธรรมชาติที่ได้ลดความสำคัญลงเรื่องๆ โดยผลผลิตจากแหล่งน้ำธรรมชาติได้ลดลงจาก 1858.5 เมตริกตันในปี 2517 เป็น 220 เมตริกตันในปี 2525 ผลผลิตที่ได้จากภาคกลางจะถูกใช้เพื่อการบริโภคภายในภาคกลางเองเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งกว่า 90% ถูกใช้ไปเพื่อการบริโภคสด นอกจากนี้ยังมีอุปสงค์ที่เกิดจากภาคอื่น จากการศึกษาพบว่าปริมาณผลผลิตจากฟาร์มเพิ่มสูงขึ้นแต่ราคาปลาสวายที่เกษตรกรขายได้กลับมีแนวโน้มลดต่ำลงจาก 17.99 บาท ต่อกิโลกรัมในปี 2517 เป็น 5.09 บาทต่อกิโลกรัมในปี 2525 ซึ่งความไม่แน่นอนของราคาปลาสวายยังสามารถดูได้จากค่าดัชนีตามฤดูกาล โดยราคาปลาสวายที่จำหน่าย ณ สะพานปลากรุงเทพจะเคลื่อนไหวอยู่ในช่วง 91.96 เปอร์เซนต์ในเดือนตุลาคมถึง 107.30 เปอร์เซ็นต์ในเดือนกุมภาพันธ์ของราคาเฉลี่ยตลอดปี พ.ศ. 2521-2523 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าในช่วงฤดูฝน ราคาปลาสวายจะต่ำเพราะว่าปลาสวายจะถูกแข่งขันจากสินค้าสัตว์น้ำชนิดอื่น และราคาปลาสวายจะดีขึ้นมากในช่วงฤดูหนาว เนื่องจากปัญหาของการขยายการผลิตมากเกินไปและปัญหาราคาปลาสวายไม่มีเสถียรภาพ วิทยานิพนธ์นี้จึงมุ่งที่จะศึกษาว่าเมื่อรับเข้าแทรกแซงกลไกราคาเพื่อช่วยให้ราคามีเสถียรภาพแล้วจะให้ผลประโยชน์แก่ผู้ผลิตหรือผู้บริโภคมากน้อยเท่าใด โดยดูที่ผลสะท้อนทางด้านสวัสดิการการศึกษานี้ได้ใช้วิธีการศึกษาของ เบนตั้น เอฟ.มัสเซล ที่ศึกษาถึงราคาเสถียรภาพและสวัสดิการโดยกำหนดสมการอุปสงค์และสมการอุปทานของปลาสวายเพื่อคำนวณค่าตัวแปรไปแทนค่าในแบบจำลองเพื่อหาค่าที่ควรเป็นของผลได้สู่ผู้ผลิตและผู้บริโภคตลอดจนผลได้รวมของสังคมต่อไป จากผลการศึกษาปรากฏว่า เมื่อมีการรักษาเสถียรภาพราคาจะก่อให้เกิดประโยชน์แก่ทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค ทำให้สวัสดิการรวมของสังคมสูงขึ้นโดยแยกผลการวิเคราะห์ได้ดังนี้ เมื่อมีการรักษาเสถียรภาพราคาของระดับราคาปลาสวายในภาคกลางแล้วจะทำให้ผู้ผลิตได้รับส่วนเกินเพิ่มขึ้นเท่ากับ 3203.87หน่วย และการรักษาเสถียรภาพราคาจะทำให้ผู้บริโภคได้รับส่วนเกินผู้บริโภคเท่ากับ 2658.78 หน่วยทำให้สังคมได้รับสวัสดิการรวมเท่ากับ 5861.65 หน่วย ฉะนั้นการรักษาเสถียรภาพราคาจะก่อให้เกิดประโยชน์มากแก่ทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคโดยที่ผลได้ของผู้ผลิตจะมากกว่าผลได้ของผู้บริโภค การศึกษานี้ได้เสนอให้ใช้นโยบายมูลภัณฑ์กันชนและการประกันราคาขั้นต่ำในการทำให้ราคาปลาสวายมีเสถียรภาพแต่มาตรการทั้งสองที่เสนอมานี้เป็นมาตรการที่มีต้นทุนสูงมาก เพราะต้องมีการใช้พื้นที่ห้องเย็นในการเก็บรักษาให้ปลาสวายมีความสดอยู่ ฉะนั้นหากรัฐบาลไม่มีงบประมาณเพียงพอมาตรการทั้งสองที่เสนอมาจะดำเนินไปได้ยาก มาตรการเสริมอื่นๆ ที่จะทำได้ง่ายกว่ามีอาทิเช่น การควบคุมอุปทานปลาสวายออกสู่ตลาดโดยการเลี้ยงรอราคาในบ่อเลี้ยงและการจัดให้มีตลาดกลาง กล่าวคือ ในขณะที่ราคาต่ำผู้ผลิตจะยังคงเลี้ยงปลาต่อไปเรื่อยๆและจะขายผลผลิตก็ต่อเมื่อราคาปลาสวายสูงขึ้น ส่วนการจัดให้มีตลาดกลางก็เป็นอีกวิธีการหนึ่งของการควบคุมอุปทานที่จะออกสู่ตลาด โดยตลาดกลางจะกำหนดปริมาณรับซื้อปลาสวายในแต่ละวันเพื่อให้สอดคล้องกับปริมาณอุปสงค์ในวันนั้นๆ เพื่อเป็นการช่วยให้ระดับราคาปลาสวายไม่ตกต่ำ

Share

COinS