Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
ความสัมพันธ์ระหว่างการปฏิบัติตนเพื่อป้องกันโรคหัวใจโคโรนารี กับภาวะเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจโคโรนารี ของผู้ที่มีความดันโลหิตสูง ผู้ที่มีน้ำตาลในเลือดสูง และผู้ที่มีไขมันในเลือดสูง
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
Relationships between self-practice for preventing coronary heart disease and the risk of coronary heart disease in groups of high blood pressure, high blood sugar, and hypercholesterolemia
Year (A.D.)
1985
Document Type
Thesis
First Advisor
สมคิด รักษาสัตย์
Second Advisor
ดิเรก ศรีสุโข
Faculty/College
Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)
Degree Name
ครุศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
DOI
10.58837/CHULA.THE.1985.43
Abstract
การวิจัยครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างการปฏิบัติตนเพื่อป้องกันโรคหัวใจโคโรนารี กับภาวะเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจโคโรนารีของผู้ที่มีความดันโลหิตสูง ผู้ที่มีน้ำตาลในเลือดสูง และผู้ที่มีไขมันในเลือดสูง และเปรียบเทียบภาวะเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจโคโรนารี ระหว่าง กลุ่ม เพศ และ ช่วงอายุ กลุ่มตัวอย่างแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่มีความดันโลหิตสูง ผู้ที่มีน้ำตาลในเลือดสูง และผู้ที่มีไขมันในเลือดสูง ที่มารับการรักษาในโรงพยาบาลของรัฐ 4 แห่ง ในเขตกรุงเทพมหานคร รวมทั้งสิ้น 180 คน สุ่มตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสัมภาษณ์ แบบบันทึกข้อมูล และเครื่องมือทางการแพทย์ แบบสัมภาษณ์การปฏิบัติตนมี 4 ด้าน คือ ด้านการตรวจสุขภาพ ด้านความเครียด ด้านการรับประทานอาหาร และด้านการออกกำลังกาย ค่าความเที่ยงของแบบสัมภาษณ์เท่ากับ 0.803 วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานค่าความห่างจากการเป็นโรคหัวใจโคโรนารี ทดสอบที วิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว วิเคราะห์ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบผลคูณเพียร์สัน และทดสอบนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ผลการวิจัย 1. การปฏิบัติตนของกลุ่มที่มีความดันโลหิตสูง ในด้านความเครียด ด้านการรับประทานอาหาร และด้านการออกกำลังกาย มีความสัมพันธ์เชิงลบกับภาวะเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจโคโรนารี ส่วนในด้านการตรวจสุขภาพ ไม่มีความสัมพันธ์กับภาวะเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจโคโรนารี 2. การปฏิบัติตนของกลุ่มผู้ที่มีน้ำตาลในเลือดสูง ในด้านการตรวจสุขภาพและด้านความเครียด มีความสัมพันธ์เชิงลบกับภาวะเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจโคโรนารี ส่วนในด้านการรับประมานอาหาร และด้านการออกกำลังกาย ไม่มีความสัมพันธ์กับภาวะเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจโคโรนารี 3. การปฏิบัติตนของกลุ่มผู้ที่มีไขมันในเลือดสูง ในด้านการตรวจสุขภาพด้านความเครียด ด้านการรับประทานอาหาร และด้านการออกกำลังกาย ไม่มีความสัมพันธ์กับภาวะเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจโคโรนารี 4. การปฏิบัติตนของเพื่อป้องกันโรคหัวใจโคโรนารีของทั้ง 3 กลุ่ม พบว่าการปฏิบัติตนด้านการรับประทานอาหารอยู่ในระดับดี ด้านการตรวจสุขภาพ และด้านความเครียดอยู่ในระดับค่อนข้างดี ส่วนการปฏิบัติตนด้านการออกกำลังกาย อยู่ในระดับไม่ดี การปฏิบัติตนในแต่ละด้านของทั้ง 3 กลุ่ม ไม่แตกต่างกัน 5. ภาวะเสี่ยงต่อการเกิด โรคหัวใจโคโรนารีระหว่างกลุ่ม และระหว่าง เพศไม่แตกต่างกัน แต่กลุ่มช่วงอายุ 51 – 60 ปี มีภาวะเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจโคโรนารีมากกว่ากลุ่มช่วงอายุ 40 – 50 ปี และแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
Creative Commons License

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
เสรีประเสริฐ, อุไร, "ความสัมพันธ์ระหว่างการปฏิบัติตนเพื่อป้องกันโรคหัวใจโคโรนารี กับภาวะเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจโคโรนารี ของผู้ที่มีความดันโลหิตสูง ผู้ที่มีน้ำตาลในเลือดสูง และผู้ที่มีไขมันในเลือดสูง" (1985). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 53809.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/53809