Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
สถานภาพและบทบาทของแม่ชีในสังคมไทย : ศึกษากรณีวัดสร้อยทอง
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
Status and role of nun in Thai society : The case of Wat Soithong
Year (A.D.)
1984
Document Type
Thesis
First Advisor
อมรา พงศาพิชญ์
Faculty/College
Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)
Degree Name
สังคมวิทยามหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
สังคมวิทยา
DOI
10.58837/CHULA.THE.1984.552
Abstract
การศึกษานี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อที่จะศึกษาถึงสถานภาพและบทบาทของแม่ชีในสังคมไทย เนื่องจากในปัจจุบันแม่ชีเป็นกลุ่มบุคคลที่มีจำนวนไม่น้อยเลยและเป็นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อความเจริญรุ่งเรืองของพุทธศาสนาในสังคมไทยเราด้วย แต่จากสภาพความเป็นจริงแล้วแม่ชีกลับกลายเป็นกลุ่มบุคคลที่แทบจะกล่าวได้ว่าถูกสังคมลืม หน่วยงานไม่ว่าจะเป็นด้านเอกชนหรือรัฐบาลไม่ได้ให้การเอาใจใส่ช่วยเหลือสนับสนุนทั้งทางด้านความเป็นอยู่ หรือการดำเนินกิจกรมต่างๆ เท่าที่ควร ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากสถานภาพและบทบาทของแม่ชีตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบันเป็นสำคัญ จากสาเหตุนี้เองทำให้แม่ชีบางกลุ่มจำต้องร่วมมือกันในการที่จะปรับปรุงสถานภาพและบทบาทของตน ดังเช่นการจัดตั้งสถาบันแม่ชีไทยขึ้นก็เพื่อจะได้เป็นศูนย์กลางในการร่วมมือกันจัดกิจกรรมต่างๆ อันจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อศาสนาและสังคมส่วนรวม ตลอดจนร่วมกันจัดวางระเบียบกฎเกณฑ์ข้อปฏิบัติต่างๆ เพื่อความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันที่แม่ชีทั่วๆ ไปจะได้ยึดถือเป็นหลักปฏิบัติและง่ายต่อการควบคุมดูแลและทำการปกครอง ซึ่งการปรับปรุงสถานภาพและบทบาทของแม่ชีนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อจะให้ตนเป็นที่ยอมรับจากประชาชนและหน่วยงานทั้งภาคเอกชนและรัฐบาล แต่การที่แม่ชีจะดำเนินกิจกรรมอะไรก็ตามย่อมต้องอาศัยการยอมรับจากฝ่ายแม่ชีกันเองและประชาชนด้วย จึงจะทำให้ได้รับความร่วมมืออันจะนำมาซึ่งความสำเร็จ โดยในที่นี้จะทำการศึกษาดึงทัศนคติของแม่ชีสำนักวิปัสสนากรรมฐานวัดสร้อยทอง และประชาชนในละแวกนั้นว่าต่างมีความคิดเห็นอย่างไรต่อสถานภาพและบทบาทของแม่ชีทั่วๆ ไป เพื่อจะได้เป็นแนวทางที่แม่ชีหรือหน่วยงานต่างๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องจะได้นำไปพิจาณาปรับปรุงการดำเนินงานต่อไป ในการศึกษาเรื่องสถานภาพและบทบาทของแม่ชีในสังคมไทยนี้ จะทำการศึกษาโดยแบ่งออกเป็นสองลักษณะใหญ่ๆ คือ 1) การศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้มาจากเอกสารต่างๆ เช่น วารสาร งานวิจัย ตลอดจนบทความที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแม่ชีเป็นต้น ซึ่งจะเป็นการศึกษาถึงประวัติความเป็นมาสถานภาพและบทบาทของสตรีในทางพุทธศาสนาตั้งแต่สมัยพุทธกาลจนกระทั้งสมัยปัจจุบัน ว่าในแต่ละสมัยสังคมให้การยอมรับนับถือหรือส่งเสริมสนับสนุนให้แม่ชีเข้ามามีบทบาทในด้านศาสนามากน้อยเพียงไร แม่ชีมีต้นกำเนิดเป็นมาอย่างไร สังคมไทยให้การยอมรับนับถือแม่ชีมากน้อยเพียงไร ตลอดจนศึกษาถึงปัจจัยที่เป็นตัวจำกัดในเรื่องสถานภาพและบทบาทของแม่ชี รวมทั้งองค์กรที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อการกำหนดสถานภาพและบทบาทของแม่ชีในสังคมไทย 2) การศึกษาภาคสนาม จะเป็นการศึกษาเปรียบเทียบถึงทัศนคติของแม่ชีและประชาชนที่มีต่อสถานภาพและบทบาทของแม่ชีส่วนหนึ่ง โดยในที่นี้จะทำการสำรวจทัศนะของแม่ชีที่สำนักวิปัสนากรรมฐาน วัดสร้อยทอง เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร จำนวน 47 ท่าน และประชาชนในละแวกใกล้เคียงกับวัดอีก 82 คน ข้อมูลได้จากการสัมภาษณ์ สังเกตการณ์และการส่งแบบสอบถามไปทางไปรษณีย์ด้วย การศึกษาภาคสนามอีกส่วนหนึ่งคือการเข้าไปสังเกตการณ์ สัมภาษณ์ในเรื่องบทบาทหรือกิจกรรมของแม่ชีที่ศูนย์สภากาชาดไทย เข้าล้าน จังหวัดตราด ในส่วนนี้จะทำการสัมภาษณ์แม่ชีและเจ้าหน้าที่ที่ร่วมงานด้วยถึงการปฏิบัติงานของแม่ชีที่ศูนย์แห่งนี้ว่าแม่ชีมีบทบาทมากน้อยเพียงไร ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงานของแม่ชีอย่างไรบ้าง สมควรจะได้แก้ไขหรือปรับปรุงบทบาทดังกล่าวหรือไม่อย่างไร จากผลการศึกษาวิจัยพอจะสรุปได้ว่า ยังหาหลักฐานแน่ชัดเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของแม่ชีไม่ได้ แต่พอจะสันนิษฐานได้ว่าแม่ชีนี้คือกลุ่มสตรีที่ความฝักใฝ่ในศาสนา แต่เมื่อภิกษุณีได้สิ้นสูญไปแล้วสตรีเหล่านี้จึงจะหาทางที่จะเข้ามาใกล้ชิดศาสนาโดยแปรรูปมาเป็นแม่ชี้ที่ถือศีล 8 ซึ่งโดยทั่วๆ ไปสังคมก็มองว่าเป็นนักบวชฝ่ายหญิงเช่นเดียวกับภิกษุสงฆ์ที่เป็นนักบวชฝ่ายชายแต่ให้การเคารพยกย่องนับถือน้อยกว่าพระภิกษุสงฆ์ ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากสถานภาพและบทบาทของแม่ชีเองเป็นสำคัญ คือ ประชาชนยังมองว่าแม่ชีมิได้เป็นผู้นำทางศาสนาดังเช่นพระสงฆ์ การทำประโยชน์ต่อศาสนาต่อสังคมก็ยังมีน้อยมาก บางครั้งแม่ชีเองก็ทำตัวไม่น่าเสื่อมใสศรัทธา ซึ่งในเรื่องนี้ทางฝ่ายแม่ชีเองก็ได้พยายามหาทางแก้ไขปรับปรุงสถานภาพและบทบาทของตนตลอดมา โดยการเข้าไปมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคม โดยเฉพาะสังคมในชนบท ดังเช่น โครงการอบรมเยาวชนภาคฤดูร้อน โครงการพัฒนาชนบทหรือโครงการศูนย์เขมรอพยพเป็นต้น แต่ขณะนี้ยังขาดความร่วมมือและการช่วยเหลือสนับสนุนจากทั้งฝ่ายแม่ชีเอง ฝ่ายประชาชน ฝ่ายรัฐบาล และหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยที่แม่ชีจะได้ปะชาสัมพันธ์ถึงผลงานและกิจกรรมของตนให้ประชาชนทั่วๆ ไปได้ทราบ ต้องปรับปรุงตนเองทั้งในด้านการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม เพื่อการพัฒนาตนเองเสียก่อนเพื่อจะได้เป็นพื้นฐานที่จะนำไปช่วยพัฒนาสังคมต่อไป ประพฤติปฏิบัติตนให้อยู่ในศีลในธรรม ทำตนให้เป็นทีน่าเสื่อมใส ทำตนให้เป็นคนมีคุณค่าต่อสังคม โดยการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่จะช่วยพัฒนาสังคม มิใช่บวชก็เพื่อเอาตัวรอดแต่ผู้เดียวเท่านั้น ปัจจุบันสถาบันแม่ชีไทยจึงเป็นองค์กรเดียวของแม่ชีที่พอจะขอความร่วมมือจากแม่ชีในการดำเนินงานพัฒนาต่างๆ ควรจะได้ริเริ่มโครงการที่จะช่วยพัฒนาสังคมของตนเอง โดยอาจจัดตั้งเป็นองค์กรเอกชนที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยเหลือและส่งเสริมการพัฒนา โดยมิต้องรอให้หน่วยงานอื่นขอความร่วมมือ หรือถ้าหากยังไม่อาจจัดตั้งองค์กรเองได้ก็อาจจะเข้าไปร่วมกับหน่วยงานอื่นขอความร่วมมือ หรือถ้าหากยังไม่อาจจัดตั้งองค์กรเองได้ก็อาจจะเข้าไปร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ เช่น มูลนิธิเด็ก มูลนิธิดวงประทีป เป็นต้น และควรจะมีการขยายโครงการหรือกิจกรรมที่แม่ชีดำเนินอยู่แล้วให้มากจุดขึ้น และควรขยายระยะเวลาที่จะปฏิบัติงานให้มากขึ้นด้วย มิควรจำกัดอยู่แต่เพียงช่วงฤดูร้อนเท่านั้น
Creative Commons License

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
พุทธวิเศษ, สุขใจ, "สถานภาพและบทบาทของแม่ชีในสังคมไทย : ศึกษากรณีวัดสร้อยทอง" (1984). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 53770.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/53770