Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

แนวทางการวางแผนการใช้ที่ดินของชุมชนเมืองในสี่จังหวัดชายแดนภาคใต้ : ศึกษาชุมชนเมืองยะลา

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

The urban land use guidelines for the one of four Southern special provinces : Yala

Year (A.D.)

1984

Document Type

Thesis

First Advisor

สุวัฒนา ธาดานิติ

Second Advisor

ดุษฎี ทายตะคุ

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

ผังเมืองมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

ผังเมือง

DOI

10.58837/CHULA.THE.1984.370

Abstract

รายงานการวิจัยฉบับนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเสนอแนะแนวทางการวางแผนการใช้ที่ดินชุมชนเมืองยะลา โดยอยู่บนพื้นฐานความเข้าใจลักษณะพิเศษของเมืองยะลา ในฐานะเป็นชุมชน เมืองแห่งหนึ่งของภูมิภาคสี่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในเบื้องต้นได้ทำการศึกษาถึงสภาพพื้นฐาน ทางกายภาพ เศรษฐกิจและสังคมของภูมิภาคสี่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ผลการศึกษาพบว่าเป็นภูมิภาคที่มีลักษณะพิเศษ 2 ประการ คือ ประการที่หนึ่ง คือ ลักษณะพิเศษทางภูมิศาสตร์ เนื่องจากเป็นภูมิภาคที่มีพรหมแดนส่วนหนึ่งติดต่อกับประเทศสหพันธรัฐมาเลเซีย ประการที่สอง คือ ลักษณะพิเศษทางสังคม สภาพสังคมของภูมิภาค ประกอบด้วย ประชากรที่มีสังคมวัฒนธรรมแตกต่างกันอยู่ร่วมกัน โดยมีประชากรที่นับถือศาสนาอิสลามเป็นประชากรกลุ่มใหญ่ลักษณะพิเศษทั้งสองประการ ทำให้ภูมิภาคส่วนนี้เป็นภูมิภาคที่มีปัญหา เฉพาะตัวหลายประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาทางสังคมจิตวิทยาระหว่างประเทศและปัญหาทางการเมือง เช่น ปัญหาขบวนการแบ่งแยกดินแดน ปัญหาการแข่งขันเชิงพื้นที่กับมาเลเซีย เป็นต้น ปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อความมั่นคงแห่งชาติ โดยสภาพดังกล่าว การวางแผนพัฒนาพื้นที่จึงต้องมีรูปแบบที่พิเศษแตกต่างจากการวางแผนโดยทั่วไป กล่าวคือ การวางแผนไม่เพียงแต่จะคำนึงถึงการแก้ไขปัญหาทางกายภาพ หรือทางเศรษฐกิจเท่านั้น แผนยังจะต้องสอดคล้องต่อลักษณะพิเศษของภูมิภาคอีกด้วย ดังนั้น กระบวนการวางแผนจึงต้องเพิ่มเงื่อนไขเบื้องต้น 3 ประการ คือ 1. การวางแผนจะต้องเอื้ออำนวยต่อการดำรงชีวิตภายใต้วัฒนธรรมอิสลาม 2. การวางแผนต้องคำนึงถึงการแข่งขันเชิงพื้นที่กับภูมิภาคตอนเหนือของมาเลเซีย 3. การวางแผนต้องคำนึงถึงความมั่นคงของชาติ รายงานการวิจัยในส่วนต่อมา ได้นำแนวความคิดการวางแผนที่เสนอแนะนำไปประยุกต์ใช้เพื่อวางแผนชุมชนเมืองยะลา เริ่มต้นจากการศึกษาสภาพพื้นฐานของชุมชน ทางกายภาพ, ปัญหาทางการบริการสังคม, ปัญหาการคมนาคมขนส่ง, ปัญหาการจราจร, ปัญหาการบริหาร, ปัญหาการใช้ที่ดินและปัญหากลุ่มชาติพันธุ์ การศึกษาในลำดับต่อมาเป็นการวิเคราะห์ศักยภาพการพัฒนาของพื้นที่ชุมชน ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่า ชุมชนเมืองยะลามีการขยายตัวทางแนวราบไปทางทิศตะวันออกเพียงด้านเดียวเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากการขยายตัวทางด้านอื่นถูกจำกัดโดยข้ออุปสรรคต่างๆ ดังนั้น พื้นที่การวางแผนจึงประกอบด้วยการแก้ไขข้อจำกัดต่อการพัฒนาของพื้นที่ในเขตเทศบาล และวางแนวทางพัฒนาพื้นที่ต่อเนื่องกับเขตเทศบาล ซึ่งเป็นพื้นที่ในเขตตำบลสะเตงนอก ทั้งนี้การวางแผนจึงอยู่บนพื้นฐานการแก้ไขปัญหาของเมืองพร้อมทั้งประยุกต์กับการวางแผนชุมชนลักษณะพิเศษ ผลการศึกษาขั้นสุดท้ายได้เสนอแนะแนวทางการพัฒนาพื้นที่ทางด้านต่าง ๆ ประกอบด้วย 1. แนวทางการพัฒนาพื้นที่ทางกายภาพ เสนอแนะแนวทางการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม 2. แนวทางการพัฒนาพื้นที่ทางเศรษฐกิจ เสนอแนะการเปิดจุดผ่านแดนแห่งใหม่ที่อำเภอยะหา 3. แนวทางการพัฒนาสาธารณูปโภคและสาธารณูปการ เสนอแนะแนวทางการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเช่น ถนน, การจราจร, การคมนาคมขนส่ง, การประปา, การระบายน้ำและการกำจัดขยะ 4. แนวทางการพัฒนาการใช้ที่ดิน แบ่งการใช้ที่ดินออกเป็น 2 กลุ่ม 4.1 รูปแบบการใช้ที่ดินโดยส่วนรวม เสนอแนะให้คงรูปแบบตามแนวทางที่ผังเมืองเดิมวางไว้ โดยกำหนดให้มีการเกาะกลุ่มของกิจกรรมแต่ละประเภท 4.2 รูปแบบการใช้ที่ดินสำหรับชุมชนอิสลาม เสนอแนะให้สงวนพื้นที่สำหรับการบริการชุมชนอิสลาม ซึ่งหมายถึงการกำหนดพื้นที่เพื่อการให้บริการต่อการดำรงชีวิตภายใต้วัฒนธรรมอิสลาม พื้นที่ลักษณะนี้เน้นการวางโครงสร้างทางกายภาพ และการบริการสังคมให้สอดคล้องตามหลักการของอิสลาม โดยกำหนดให้มีระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ดี, มัสยิดกลางประจำชุมชน, ระบบการศึกษาที่เอื้ออำนวยต่อการศึกษาทั้งวิชาสามัญและวิชาศาสนา ตลอดจนการควบคุมไม่ให้มีกิจกรรมที่ขัดต่อบทบัญญัติ เป็นต้น การเลือกพื้นที่เพื่อชุมชนอิสลาม จะกำหนดเขตพื้นที่ที่อยู่อาศัยของมุสลิมทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับลักษณะการตั้งถิ่นฐานเป็นประการสำคัญ สำหรับชุมชนเมืองยะลาเนื่องจากประชากรมุสลิมตั้งบ้านเรือนเกาะกลุ่มหนาแน่นอย่างเด่นชัด จึงกำหนดเขตได้ 3 ชุมชน คือ (1) เขตชุมชนมุสลิมย่านตลาดเก่า (2) เขตชุมชนมุสลิมตำบลสะเตง(3) เขตชุมชนมุสลิมตำบลสะเตงนอก ท้ายที่สุด รายงานการวิจัยได้เสนอแนะให้มีการศึกษาต่อเนื่อง โดยเฉพาะการปรับปรุงสถาบันทางสังคมให้สอดคล้องต่อวัฒนธรรมอิสลามให้มากที่สุด (ภายใต้เงื่อนไขการไม่กระทบต่อความมั่นคงของชาติ) ซึ่งจะทำให้ชุมชนอิสลามนี้ มีความสมบูรณ์อย่างแท้จริง

Share

COinS