Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

บรรณารักษ์ตามบัณฑิตคติของผู้ใช้ห้องสมุด

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

Image of the Librarian According to Library User

Year (A.D.)

1984

Document Type

Thesis

First Advisor

อัมพร ทีขะระ

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

อักษรศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

บรรณารักษศาสตร์

DOI

10.58837/CHULA.THE.1984.578

Abstract

การวิจัยเรื่องนี้มีวัตถุประสงค์ที่จะศึกษาทัศนคติของผู้ใช้ห้องสมุด 2 กลุ่ม คือ นิสิตนักศึกษาที่เรียนวิชาบรรณารักษศาสตร์เป็นวิชาเอกในระดับปริญญาตรี กับนิสิตนักศึกษาที่เลือกเรียนสาขาวิชาอื่น ๆ ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สมมติฐานของเรื่องสร้างขึ้นตามทฤษฎีที่ว่ามีรูปแบบทางปรัชญาวิชาชีพบรรณารักษ์อยู่ 4 ประการ คือ ผู้ดูแลรักษาหนังสือ นักมนุษยชาติ เป็นสื่อกลาง และผู้ส่งเสริม ดังนั้นทัศนคติที่กลุ่มประชากรมีต่อบรรณารักษ์จึงควรจะแตกต่างกันไปตามแนวคิดทั้ง 4 ประการนี้ ในการวบรวมข้อมูลเพื่อวิจัย ใช้ศึกษาข้อมูลจากเอกสาร และใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือศึกษาทัศนคติของผู้ใช้ ผู้วิจัยได้นำแบบสอบถามจำนวน 477 ฉบับ (93.53%) จากจำนวนแบบสอบถามทั้งหมด 510 ฉบับที่ได้รับคืน มาวิเคราะห์ทางสถิติและนำเสนอในรูปแบบร้อยละ มัชฌิมเลขคณิต ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สัมประสิทธิ์สอดคล้องของเคนดาลล์ แบบทดสอบ F-test, t-test และแบบทดสอบผลต่างนัยสำคัญน้อยที่สุด (Least Significant Difference, LSD) จากแบบสอบถามตอนที่ 1 สถานภาพส่วนตัวและข้อมูลเบื้องต้นได้ข้อมูลว่านักศึกษาใช้เวลาประมาณ 4-6 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ในหอสมุดกลางของมหาวิทยาลัย เพื่อการอ่าน และ/หรือศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับงานที่ได้รับมอบหมายให้ทำ ในกลุ่มนักศึกษาภาควิชาบรรณารักษศาสตร์ได้ผลว่า นักศึกษาที่เลือกเรียนวิชานี้เป็นวิชาเอกเพราะสามารถหางานทำได้ง่าย ส่วนนักศึกษาทั่วไปคิดว่าวิชานี้เป็นวิชาที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่เป็นนักอ่านอย่างจริงจัง แบบสอบถามตอนที่ 2 เป็นแบบจัดอันดับความสำคัญเพื่อศึกษาคุณลักษณะของบรรณารักษ์ที่ต้องการและได้ผลว่า คุณลักษณะของผู้ที่มีนิสัยรักหนังสือและรักการอ่านมีผู้เลือกเป็นอันดับสูงสุด สำหรับรูปแบบในด้านทัศนคติต่อบรรณารักษ์ได้ผลการวิจัยว่า นักศึกษาภาควิชาบรรณารักษศาสตร์มีทัศนคติต่อบรรณารักษ์ในรูปแบบต่าง ๆ ทั้ง 4 แบบ แตกต่างกับนักศึกษาทั่วไป ในระดับนัยสำคัญที่ .01 จากผลการวิจัยสรุปได้ว่า บรรณารักษ์เป็นผู้ที่นิสิตนักศึกษายอมรับว่ามีบทบาทสำคัญในด้านการศึกษา ผู้วิจัยจึงมีข้อเสนอแนะดังต่อไปนี้ ๑. บรรณารักษ์ควรพิจารณาปรับปรุงตนเองตามรูปแบบของปรัชญาในวิชาชีพบรรณารักษ์ที่ตรงกับความต้องการของสังคม เช่น เป็นสื่อกลาง ผู้ส่งเสริมเพื่อให้บรรลุอุดมการณ์ของวิชาชีพ ๒. ในการปรับปรุงหลักสูตร โรงเรียนบรรณารักษศาสตร์ควรเพิ่มเติมรายวิชาใหม่ ๆ ที่ทันสมัยให้ทันกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ควรมีการสัมมนาและการประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และความคิดเห็นใหม่ ๆ ๓. มหาวิทยาลัยควรอนุมัติเงินสำหรับการศึกษาต่อเนื่องของบรรณารักษ์ เช่น การฝึกงานในต่างประเทศ การเข้าร่วมประชุมทางวิชาการ ในปัจจุบันการอนุญาตให้ไปปฏิบัติราชการเพื่อทำการวิจัยก็เป็นสิ่งจำเป็น ๔. สมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทยควรอุทิศเวลาอย่างเต็มที่และพยายามส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในห้องสมุด เพื่อที่จะชักจูงให้นักศึกษาสนใจในวิชาชีพ

Share

COinS