Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
วิธีการวัดผลที่ใช้สำหรับวิชาบรรณารักษ์ศาสตร์ในระดับปริญญาบัณฑิต ของมหาวิทยาลัยในประเทศไทย
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
Methods of measurement for library science at undergraduate level in universities in Thailand
Year (A.D.)
1984
Document Type
Thesis
First Advisor
จ้อย นันทิวัชรินทร์, ม.ล.
Second Advisor
สุรเดช ถาวรพิทักษ์
Faculty/College
Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)
Degree Name
อักษรศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
บรรณารักษศาสตร์
DOI
10.58837/CHULA.THE.1984.565
Abstract
ในการวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายที่จะศึกษาถึงวิธีการวัดผลที่ผู้สอนใช้สำหรับวิชาบรรณารักษศาสตร์ ตลอดจนความคิดเห็นและข้อเสนอแนะทางด้านการวัดผลของผู้สอนและนักศึกษาในมหาวิทยาลัยทั้ง 5 แห่ง คือ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์วิทยาเขตปัตตานี ซึ่งคาดว่าผลของการวิจัยเป็นข้อมูลนำเสนอต่อผู้สอนวิชาบรรณารักษศาสตร์ เพื่อเป็นแนวทางปรับปรุงการวัดผลให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น วิธีการวิจัยโดยส่งแบบสอบถามไปยังผู้สอนวิชาบรรณารักษศาสตร์ระดับปริญญาบัณฑิต 42 ชุด และนักศึกษาวิชาเอกบรรณารักษศาสตร์ชั้นปีที่ 4 ที่กำลังศึกษาอยู่ในภาคต้นปีการศึกษา 2526 จำนวน 108 ชุด ได้รับแบบสอบถามกลับคืนมาจากผู้สอน 34 ชุด คิดเป็นร้อยละ 80.95 และจากนักศึกษา 77 ชุด คิดเป็นร้อยละ 71.29 จากนั้นได้นำข้อมูลมาวิเคราะห์ด้วยค่าร้อยละค่ามัธยฐาน ทดสอบความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร ด้วยค่า x^2 วิเคราะห์ความแตกต่างระหว่างความคิดเห็นของผู้สอนและของนักศึกษาเกี่ยวกับการวัดผลด้านต่างๆ โดยใช้ Median test และในการวิจัยครั้งนี้ผู้วิจัยได้แบ่งรายวิชาที่เปิดสอนในหลักสูตรวิชาบรรณารักษศาสตร์ ในมหาวิทยาลัยทั้ง 5 แห่ง ออกเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มเนื้อหาและกลุ่มทักษะ ผลของการวิจัยโดยสรุปเป็นดังนี้สภาพโดยทั่วไปของการวัดผลวิชาบรรณารักษศาสตร์ในมหาวิทยาลัยทุกแห่ง ผู้สอนจำนวนมากได้จัดทำหัวข้อวิชา และได้ระบุการวัดผลลงในหัวข้อวิชาแต่ส่วนใหญ่จะระบุอย่างกว้างๆ เฉพาะการแบ่งคะแนน ผู้สอนส่วนมากได้ชี้แจงการวัดผลในวิชานั้นๆ ให้ผู้เรียนทราบโดยผู้สอนจำนวนมากที่สุดชี้แจงในชั่วโมงแรกของการเรียน สำหรับช่วงเวลาในการวัดผลที่ผู้สอนกำหนดมักเป็นกลางเทอมและปลายเทอม ซึ่งนักศึกษาส่วนใหญ่เห็นว่าเหมาะสมดีแล้ว แต่ผู้สอนเห็นว่าช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด ควรเป็นการวัดตลอดเวลาในขณะที่เรียน พฤติกรรมที่ต้องการวัดและวิธีการวัด ทั้งผู้สอนและนักศึกษาเห็นว่าพฤติกรรมที่ผู้สอนต้องการวัดมากที่สุดในกลุ่มเนื้อหาวิชาคือ ความรู้ความจำในวิชาที่เรียนและความสามารถในการนำไปใช้ ในกลุ่มทักษะ พฤติกรรมที่ผู้สอนต้องการวัดมากที่สุดคือ ความสามรถในการนำไปใช้ และทักษะของผู้เรียนในวิชานั้นๆ จากการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรมที่ต้องการวัด และเนื้อหาวิชา พบว่าในการกำหนดพฤติกรรมนั้นผู้สอนได้พิจารณาจากเนื้อหาวิชาเป็นหลัก และในการวัดพฤติกรรมต่างๆ ในแต่ละกลุ่มวิชา โดยส่วนใหญ่แล้วทั้งผู้สอนและนักศึกษาเห็นว่าวัดได้เหมาะสมในระดับปานกลาง วิธีการวัดผลที่ผู้สอนใช้มากที่สุดในกลุ่มเนื้อหาคือการทดสอบ และการค้นคว้าทำรายงาน สำหรับกลุ่มทักษะนั้นวิธีการวัดผลที่ผู้สอนใช้มากที่สุดคือ การทดสอบและการให้ปฏิบัติจริง จากการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างวิธีการวัดผลและเนื้อหาวิชาพบว่าไม่มีความสัมพันธ์กันอย่างมีนัยสำคัญในทางสถิติ แสดงว่าในการเลือกวิธีการวัดผลนั้นผู้สอน ไม่ได้พิจารณาจากเนื้อหาวิชาเพียงอย่างเดียว ซึ่งองค์ประกอบที่ผู้สอนนำมาพิจารณาประกอบร่วมกับเนื้อหาวิชามากที่สุดคือจุดประสงค์หลักของวิชา และวิธีการสอน นักศึกษาเห็นว่าวิธีการวัดผลที่ผู้สอนใช้ในแต่ละวิชานั้นยังต้องแก้ไขปรับปรุง ในระดับปานกลางถึงมาก แต่ผู้สอนเห็นว่ายังต้องแก้ไขปรับปรุงในระดับน้อย ลักษณะแบบทดสอบที่ผู้สอนใช้มากที่สุดทั้งสองกลุ่มวิชาคือ อัตนัยแบบตอบขยายความใช้น้อยที่สุดคือ ปรนัยแบบจับคู่ ทั้งผู้สอนและนักศึกษามีความคิดเห็นต่อการแก้ไขปรับปรุงแบบทดสอบในลักษณะต่างๆ ในระดับปานกลาง การแบ่งคะแนน การแบ่งคะแนนระหว่างเทอมและปลายเทอมที่ผู้สอนใช้อยู่เป็น 40-60 ซึ่งเห็นว่าเหมาะสมดีแล้วแต่นักศึกษาเห็นว่ายังต้องแก้ไขปรับปรุง โดยเห็นว่าการแบ่งคะแนนที่เหมาะสมที่ควรเป็น 50-50 และ 70-30 การแบ่งคะแนนระหว่างภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ ที่ผู้สอนใช้จริงเป็น 60-40 และ 50-50 ซึ่งเหมาะสมดีแล้ว แต่นักศึกษาเห็นว่า การแบ่งคะแนนที่เหมาะสมควรเป็น 40-60 ผู้สอนส่วนใหญ่มีจุดประสงค์ในการวัดผลเพื่อวัดความรู้ความเข้าใจ และวัดทักษะในด้านต่างๆ ของผู้เรียนในระดับมากสำหรับจุดมุ่งหมายในด้านอื่นๆ นั้นมุ่งวัดในระดับปานกลาง ซึ่งนักศึกษาเห็นว่าผู้สอนควรแก้ไขปรับปรุงจุดมุ่งหมายของการวัดผลในเรื่องต่างๆ เหล่านี้ในระดับมาก ปัญหาทางด้านการวัดผล ผู้สอนส่วนใหญ่จะมีปัญหาในการเลือกวิธีการวัดผลให้เหมาะสมกับวิชาที่สอน โอกาสในการวัดผลมีน้อยเวลาจำกัดเนื้อหามีมาก การวัดพฤติกรรมด้านต่างๆ ของผู้เรียนและการใช้วิธีการวัดผลแบบต่างๆ ในระดับปานกลาง สำหรับปัญหาที่นักศึกษาประสบมากคือ การวัดผลผู้สอนเน้นการสอบมากกว่าวิธีการอื่นๆ และผู้สอนมุ่งวัดความจำมากกว่าพฤติกรรมอื่นๆ ข้อเสนอแนะจากแบบสอบถามเป็นดังนี้ ผู้สอนควรมีความรู้เรื่องการวัดผล แบบทดสอบ และการตัดเกรดเป็นอย่างดี กำหนดจุดมุ่งหมายได้แน่นอน และทำความเข้าใจกับจุดมุ่งหมายอย่างแจ่มชัด พร้อมทั้งแจ้งให้นักศึกษาทราบด้วย พฤติกรรมที่ต้องการวัด ควรวัดความสามารถทางการปฏิบัติมากกว่าความจำ ไม่ควรใช้ข้อสอบเพียงอย่างเดียว ควรใช้วิธีการวัดผลหลายๆ วิธีร่วมกัน และเปิดโอกาสให้นักศึกษาแสดงความคิดเห็นต่อวิธีการวัดผลด้วย
Creative Commons License

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
แม่นมาตย์, ลำปาง, "วิธีการวัดผลที่ใช้สำหรับวิชาบรรณารักษ์ศาสตร์ในระดับปริญญาบัณฑิต ของมหาวิทยาลัยในประเทศไทย" (1984). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 53361.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/53361