Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

หลักการรับฟังคำรับสารภาพของผู้ต้องหา

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

The Significance of the accused confession

Year (A.D.)

1984

Document Type

Thesis

First Advisor

มุรธา วัฒนะชีวะกุล

Second Advisor

เข็มชัย ชุติวงศ์

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

นิติศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

นิติศาสตร์

DOI

10.58837/CHULA.THE.1984.327

Abstract

โดยทั่วไปการรับฟังคำรับสารภาพเป็นพยานหลักฐานจำต้องเผชิญกับทางสองแพร่ง กล่าวคือ หากประเทศใดยึดหลัก crime control model ประเทศนั้นก็จะให้ความสำคัญแก่แนวความคิดในการควบคุมอาชญากรรม โดยให้อำนาจเจ้าพนักงานในการสืบสวน สอบสวน ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมได้อย่างกว้างขวาง ซึ่งรวมทั้งการรับฟังคำรับสารภาพเป็นพยานหลักฐานก็สามารถทำได้อย่างกว้างขวาง ซึ่งรวมทั้งการรับฟังคำรับสารภาพเป็นพยานหลักฐานก็สามารถทำได้อย่างกว้างขวางด้วยเช่นเดียวกัน แม้ว่าจะละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนก็ตาม หากประเทศใดยึดหลัก due process model ประเทศนั้นก็จะให้ความสำคัญแก่แนวความคิดในการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน โดยให้ความสำคัญแก่การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนมากกว่าความสะดวกในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน กระบวนการยุติธรรมทุกขั้นตอนจะถูกจำกัดและถ่วงดุลโดยองค์กรอื่นที่มิใช่องค์กรของฝ่ายบริหาร การรับฟังคำรับสารภาพเป็นพยานหลักฐานจะถูกกำหนดการจำกัดขอบเขตไว้อย่างเคร่งครัดมาก การรับฟังคำรับสารภาพเป็นพยานหลักฐานโดยหลักทั่วไปจะต้องเป็นคำรับสารภาพของผู้ต้องหาที่ให้ต่อเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสอบสวนด้วยความสมัครใจในสหรัฐอเมริกาคำรับสารภาพด้วยความสมัครใจ หมายถึง คำรับสารภาพที่ให้แก่เจ้าพนักงานภายหลังที่เจ้าพนักงานนั้นได้ให้คำเตือนถึงสิทธิที่จะไม่ให้การและสิทธิที่จะได้รับการช่วยเหลือจากทนาย และบุคคลผู้ให้คำรับสารภาพนั้นได้สละสิทธิดังกล่าวนั้นแล้วด้วยความรู้ถึงสิทธิเหล่านั้นและด้วยความรู้สึกผิดชอบในการกระทำในประเทศอังกฤษคำรับสารภาพด้วยความสมัครใจ หมายถึง คำรับสารภาพที่ได้รับมาภายหลังจากที่ตำรวจได้ปฏิบัติตามกฎข้อบังคับของศาล (Judges’ Rules) แล้ว ในประเทศไทยคำรับสารภาพด้วยความสมัครใจ หมายถึง คำรับสารภาพที่ผู้ต้องหาให้ต่อพนักงานสอบสวนโดยมิได้มีการบังคับ ขู่เข็ญ ล่อลวง ให้สัญญา จูงใจ หรือโดยวิธีการอันมิชอบใดๆ จากการศึกษาหลักกฎหมายของประเทศไทยพบว่า การสอบสวนคำรับสารภาพของผู้ต้องหาชั้นสอบสวนในปัจจุบันยังมีจุดบกพร่องที่ทำให้น่าสงสัยว่าคำรับสารภาพนั้นได้มาด้วยความไม่สมัครใจหลายประการ กล่าวคือ การสอบสวน คำรับสารภาพของผู้ต้องหาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มิได้กำหนดให้พนักงานสอบสวนต้องเตือนให้ผู้ต้องหาทราบถึงสิทธิที่จะไม่ให้การและสิทธิที่จะได้รับการช่วยเหลือจากทนาย ในการสอบสวนก็มิต้องระบุจำนวนผู้ที่ทำการสอบสวนหรือบุคคลที่อยู่ร่วมด้วย หรือระยะเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดของการสอบสวน การซักถามก็อาจมีการใช้คำถามนำ ซึ่งในสหรัฐอเมริกาและอังกฤษได้ให้ความสำคัญแก่เรื่องดังกล่าวมาก ดังนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงการที่ศาลอาจจะวินิจฉัยว่า คำรับสารภาพที่พนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนเป็นคำรับสารภาพโดยไม่สมัครใจและไม่รับฟังเป็นพยาน หลักฐาน ฉะนั้น ในการสอบสวน ก่อนที่จะทำการสอบสวนคำให้การของผู้ต้องหาไม่ว่าจะเป็นคำรับสารภาพหรือไม่ พนักงานสอบสวนควรให้คำเตือนแก่ผู้ต้องหาโดย กล่าวว่า “ท่านมีสิทธิที่จะไม่ให้การ หากท่านสละสิทธิที่จะไม่ให้การ ถ้อยคำใด ๆ ที่ท่านพูดจะถูกบันทึกไว้และอาจใช้พยานหลักฐานยันท่านในการพิจารณา ท่านมีสิทธิที่จะพบและปรึกษากับทนายและมีทนายมาอยู่ร่วมด้วยในระหว่างการสอบสวน" นอกจากนี้ ในการสอบสวนควรระบุถึงจำนวนผู้สอบสวน เวลาที่ใช้ในการสอบสวนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาที่อยู่ร่วมด้วยในขณะสอบสวน ในการซักถามพนักงานสอบสวนควรหลีกเลี่ยงการใช้คำถามนำ การใช้ภาษาที่ยากแก่การเข้าใจ การใช้ถ้อยคำที่ไม่สุภาพ หรือถ้อยคำที่เป็นการกระตุ้นหรือเร่งเร้าที่ไม่สมควร ในการบันทึกพนักงานสอบสวนควรบันทึกให้ตรงกับถ้อยคำของผู้ต้องหา แต่ไม่จำต้องเหมือนกันทุกถ้อยคำ

Share

COinS