Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

บทบาทของฝ่ายตุลาการในประเทศไทย

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

Role of the judicaitry in Thailand

Year (A.D.)

1984

Document Type

Thesis

First Advisor

อักขราทร จุฬารัตน

Second Advisor

สุผานิต มั่นศุข

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

นิติศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

นิติศาสตร์

DOI

10.58837/CHULA.THE.1984.324

Abstract

ในรูปแบบของการปกครองระบอบประชาธิปไตย ศาลยุติธรรมเป็นสถาบันหนึ่งที่ได้รับมอบหมายให้มีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาพิพากษาคดี และมีอำนาจหน้าที่ภายในขอบเขตหนึ่งกล่าวคือ อำนาจในการพิจารณาพิพากษาคดีหรือบังคับการให้เป็นไปตามกฎหมายแพ่ง (เอกชน) และกฎหมายอาญาเท่านั้น การขยายขอบเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีออกไปคือ การมีอำนาจตรวจสอบฝ่ายบริหารหรือบังคับการให้เป็นไปตามกฎหมายปกครอง และการมีอำนาจตวจสอบการขัดรัฐธรรมนูณของกฎหมายที่บัญญัติขึ้นโดยฝ่ายนิติบัญญัติ ย่อมขึ้นอยู่ภายใต้เงื่อนไขของความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ ระบบกฎหมาย หลักการแบ่งแยกอำนาจและการจัดระบบศาลยุติธรรมของประเทศที่ได้ขยายขอบเขตอำนาจของศาลยุติธรรมให้มีอำนาจหน้าที่ดังกล่าว การพิจารณาพิพากษาคดีหรือการบังคับการตามกฎหมายของศาลยุติธรรม จะมีผลก่อให้เกิดความแน่นอนเที่ยงธรรมทางกฎหมาย และความยุติธรรมได้มากน้อยเพียงใดนั้น ย่อมขึ้นอยู่กับการจัดระบบศศาลยุติธรรมให้มีรูปแบบที่มีความเหมาะสมแก่การใช้อำนาจหน้าที่ และในขณะเดียวกันต้องอยู่บนพื้นฐานแห่งอุดมคติของระบอบประชาธิปไตย กล่าวคือ การจัดตั้งศาลที่มีอำนาจหน้าที่สำหรับการพิจารณาพิพากษาคดีตามประเภทและลักษณะของคดี ผู้พิพากษาในศาลแต่ละศาลโดยเฉพาะศาลสูงสุดของประเทศ จะต้องประกอบไปด้วยผู้พิพากษาที่มีความรู้ความสามารถและมีประสบการณ์ในการใช้กฎหมายที่อยู่ในวงวิชาชีพทางกฎหมาย ประชาชนมีอำนาจแต่งตั้งและควบคุมผู้พิพากษาไม่โดยทางตรงก็ทางอ้อม การแต่งตั้งและควบคุมผู้พิพากษาโดยทางอ้อมนั้น ได้แก่การที่ประชาชนมอบหมายให้ฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร หรือองค์กรพิเศษอื่นใดที่จัดตั้งขึ้นโดยเฉพาะในรูปของกลุ่มบุคคลให้ทำหน้าที่แทนประชาชนนั้นเอง สำหรับประเทศไทย ศาลยุติธรรมได้รับมอบหมายให้มีอำนาจหน้าที่พิจารณาพิพากษาคดีหรือบังคับการให้เป็นไปตามกฎหมายแพ่ง (เอกชน) กฎหมายอาญา การตรวจสอบฝ่ายบริหาร หรือบังคับการให้เป็นไปตามกฎหมายปกครอง การจัดระบบศาลยุติธรรมนั้น ศาลแต่ละศาลจะมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีหรือบังคับการให้เป็นไปตามกฎหมายดังกล่าวข้างต้นทั้งหมด และมากน้อยต่างกันแล้วแต่อำนาจของศาลแต่ละศาล การแต่งตั้งและคุณสมบัติของผู้พิพากษาในศาลแต่ละศาลจะเหมือนกันยกเว้นความมีอาวุโสของผู้พิพากษา คณะกรรมการตุลาการมีอำนาจแต่งตั้งและควบคุมผู้พิพากษา รูปแบบของคณะกรรมการตุลาการประกอบด้วยบุคคลที่อยู่ในกลุ่มผู้ประกอบวิชาชีพเป็นผู้พิพากษา และไม่มีความสัมพันธ์หรือเกี่ยวข้องกับประชาชนไม่ว่าในทางตรงหรือทางอ้อม กล่าวคือ ประชาชนและฝ่ายนิติบัญญัติ หรือฝ่ายบริหารในฐานะที่ได้รับมอบหมายจากประชาชน มิได้มีส่วนในการแต่งตั้งบุคคลเข้าไปเป็นกรรมการตุลาการที่ประกอบขึ้นเป็นคณะกรรมการตุลาการแต่อย่างใด การจัดระบบไทยในลักษณะดังกล่าวข้างต้นนั้นเอง ปัญหาที่จะต้องพิจารณาก็คือระบบศาลไทยมีรูปแบบที่เอื้ออำนวยต่อการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อให้เกิดความแน่นอนเที่ยงธรรมทางกฎหมายและศาลยุติธรรมได้มากน้อยเพียงไร และตั้งอยู่พื้นฐานแห่งอุดมตคิของการปกครองระบอบประชาธิปไตยหรือไม่ การวิจัยจะพิจารณาทั้งในด้านข้อเท็จจริงและบทบัญญัติของกฎหมาย อันเป็นการศึกษาทั้งในทางรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ผสมกันไป ทั้งนี้โดยวิเคราะห์พิจารณาถึงหลักการที่ปรากฎอยู่ในประเทศต่างๆ ที่เป็นหลักการเฉพาะของแต่ละประเทศ และหลักการร่วมที่ประเทศต่างๆได้มีร่วมกัน แล้วนำสิ่งที่ได้วิเคราะห์พิจารณานั้นมาศึกษาและวิจัยหลักการของประเทศไทย และหาแนวทางแก้ไข ปรับปรุงหลักการของประเทศไทย โดยจัดระบบศาลไทยให้ประกอบไปด้วยศาลที่มีขอบเขตแห่งอำนาจหน้าที่เฉพาะคดีประเภทใดประเภทหนึ่ง หรือลักษณะใดลักษณะหนึ่ง ศาลแต่ละศาลจะมีผู้พิพากษาที่มีคุณสมบัติแตกต่างกันไป ทั้งในด้านความรู้ความสามารถ และมีประสบการณ์ในการใช้กฎหมายในวงวิชาชีพกฎหมาย คณะกรรมการตุลาการในฐานะที่เป็นองค์กรที่มีอำนาจแต่งตั้งและควบคุมผู้พิพากษานั้น รูปแบบของคณะกรรมการตุลากรจะต้องมีลักษณะที่จะสามารถสร้างความเป็นกลางและความเป็นธรรม และได้รับความเชื่อความศรัทธาจากประชาชน โดยจะต้องมีการแต่งตั้งบุคคลที่อยู่ในวงวิชาชีพกฎหมาย ซึ่งมิใช่เฉพาะผู้พิพากษาเข้ามาเป็นกรรมการตุลาการ การแต่งตั้งกรรมการตุลาการบางส่วนให้อยู่ในอำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติ ทั้งนี้เพื่อให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนในการแต่งตั้งและควบคุมผู้พิพากษานั้นเอง

Share

COinS