Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
พฤติกรรมและแนวโน้มพฤติกรรมจริยธรรมทางสังคม ตามคำรายงานของนักเรียน ครู และผู้ปกครอง
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
Sociall moral behaviors and behavior tendency as reported by pupils, teachers and parents
Year (A.D.)
1984
Document Type
Thesis
First Advisor
ชัยพร วิชชาวุธ
Faculty/College
Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)
Degree Name
ครุศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
จิตวิทยาการศึกษา
DOI
10.58837/CHULA.THE.1984.60
Abstract
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ (1) สำรวจพฤติกรรมและแนวโน้มจริยธรรมทางสังคมตามคำรายงานของนักเรียน ครู และผู้ปกครอง และ (2) ศึกษาเปรียบเทียบพฤติกรรมและแนวโน้มพฤติกรรมจริยธรรมทางสังคมของบุคคลตามตัวแปรอิสระ 6 ตัวแปร ได้แก่ สถานภาพ เพศ ศาสนา ภูมิภาค สภาความเป็นเมือง และอาชีพหลักของครอบครัว กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 นักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 3 นักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 5 และผู้ปกครอง จำนวน 2,888 คน จากห้าภูมิภาคของประเทศไทย อันได้แก่ กรุงเทพมหานคร ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคใต้ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ด้วยวิธีการสุ่มแบบหลายขั้นตอน (Muti-Stage Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วยแบบสอบถามส่วนตัวของกลุ่มตัวอย่างและแบบสำรวจพฤติกรรมและแนวโน้มพฤติกรรมจริยธรรมทางสังคม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือ การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว และการเปรียบเทียบพหุคูณด้วยวิธีของเซฟเฟ ผลการวิจัยพบว่า 1. พฤติกรรมจริยธรรมทางสังคมที่กลุ่มตัวอย่างรายงานว่าเป็นพฤติกรรมที่ดี ที่ถูกและที่ควร มีจำนวน 10 พฤติกรรม ได้แก่ การช่วยเหลือผู้อื่น (พ9) การบำเพ็ญประโยชน์ (พ13) การกตัญญูแม้ตนจะยากลำบาก (พ16) การคำนึงถึงความอาวุโส (พ18) การให้อภัย ( พ10) การเห็นอกเห็นใจ (พ11) การรักษาชื่อเสียงของหมู่คณะ (พ15) การรักษาสัญญา (พ2) การอดทน (พ21) และการเห็นแก่พวกพ้อง (พ8) ส่วนพฤติกรรมที่กลุ่มตัวอย่างรายงานว่าเป็นพฤติกรรมไม่ดี ไม่ถูก และไม่ควร มีจำนวน 11 พฤติกรรม ได้แก่ การกตัญญูแม้การกระทำนั้นจะผิดระเบียบ (พ17) การปฏิบัติต่อผู้ขายดีกว่าผู้หญิง (พ 6) การประจบ (พ 5) การรักษาหน้า (พ 19 ) การปฏิบัติต่อคนร่ำรวยดีกว่าคนไม่ร่ำรวย (พ 7) การพูดปด (พ 1) การไม่รักษาระเบียบวินัย (พ 14) การใช้กโลบาย (พ 4) การอิจฉาริษยา (พ 20 ) การเบียดเบียนผู้อื่น (พ 12 ) และการให้ร้ายป้ายสี (พ 3) 2. พฤติกรรมจริยธรรมทางสังคมที่กลุ่มตัวอย่าง รายงานว่าเคยทำบ่อยที่สุดคือ การคำนึงถึงความอาวุโส (พ 18) และเคยทำน้อยที่สุดคือ การให้ร้ายป้ายสี (พ 3) ส่วนพฤติกรรมจริยธรรมทางสังคมที่กลุ่มตัวอย่างรายงานว่า มีแนวโน้มจะทำมากที่สุดคือ การช่วยเหลือผู้อื่น (พ 9) และมีแนวโน้มจะทำน้อยที่สุดคือ การให้ร้ายป้ายสี (พ 3) สำหรับพฤติกรรมจริยธรรมทางสังคมที่กลุ่มตัวอย่างรายงานว่า เคยเห็นคนอื่นทำมากที่สุดคือ การไม่รักษาระเบียบวินัย (พ 14) และเคยเห็นคนอื่นทำน้อยที่สุดคือ การกตัญญูแม้ว่าการกระทำนั้นจะผิดระเบียบ (พ 17) นอกจากนี้พฤติกรรมจริยธรรมทางสังคมที่กลุ่มตัวอย่างรายงานว่า คิดว่าคนอื่นจะทำมากที่สุดคือ การคำนึงถึงความอาวุโส (พ 18) และคิดว่าคนอื่นทำน้อยที่สุดคือ การเบียดเบียนผู้อื่น (พ 12 ) 3. ตัวแปรอิสระทั้ง 6 ตัวแปร ได้แก่สถานภาพ เพศ ศาสนา ภูมิภาค สภาพความเป็นเมือง และอาชีพหลักของครอบครัว มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมและแนวโน้มพฤติกรรมจริยธรรมทางสังคมในระดับนัยสำคัญทางสถิติ (P < .05 ขึ้นไป)โดยสถานภาพเป็นตัวแปรที่สัมพันธ์กับพฤติกรรมและแนวโน้มพฤติกรรมจริยธรรมทางสังคมน้อยที่สุด กล่าวคือ 3 3.1 นักเรียน ครู และผู้ปกครอง มีพฤติกรรมและแนวโน้มพฤติกรรมจริยธรรมทางสังคมแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ เกือบทุกข้อ โดยพบว่านักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีพฤติกรรมและแนวโน้มพฤติกรรมสังคมทั้งด้านบวกและด้านลบน้อยกว่าทุกกลุ่ม ส่วนครูและนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 5 มีพฤติกรรมและแนวโน้มพฤติกรรมสังคมด้านบวกใกล้เคียงกันและมากกว่าทุกกลุ่ม สำหรับพฤติกรรมสังคมด้านลบพบว่านักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 5 มีพฤติกรรมและแนวโน้มพฤติกรรมดังกล่าวมากกว่ากลุ่มอื่น ๆ 3.2 เพศหญิง และเพศชาย มีพฤติกรรมแนวโน้มพฤติกรรมจริยธรรมทางสังคมแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ โดยพบว่า เพศหญิงมีพฤติกรรมและแนวโน้มพฤติกรรมสังคมด้านบวกมากกว่าเพศชาย และเพศชายมีพฤติกรรมและแนวโน้มพฤติกรรมสังคมด้านลบมากกว่าเพศหญิง 3.3 ผู้นับถือศาสนาพุทธ ศาสนาคริสต์ และศาสนาอิสลาม มีพฤติกรรมและแนวโน้มพฤติกรรมสังคมด้านบวกและด้านลบน้อยกว่ากลุ่มอื่น ๆ ส่วนผู้นับถือศาสนาคริสต์มีพฤติกรรมและแนวโน้มพฤติกรรมสังคมด้านลบมากกว่ากลุ่มอื่น ๆ 3.4 บุคคลที่อยู่ในภูมิภาคต่าง ๆมีพฤติกรรมและแนวโน้มพฤติกรรมจริยธรรมทางสังคมต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ โดยพบว่า ผู้ที่อยู่ในภาคใต้มีพฤติกรรมและแนวโน้มพฤติกรรมสังคมด้านลบน้อยกว่ากลุ่มอื่น ๆ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีพฤติกรรมและแนวโน้มในพฤติกรรมดังกล่าวมากกว่ากลุ่มอื่น ๆ 3.5 บุคคลที่อาศัยอยู่ในสภาพความเป็นเมืองต่างกัน มีพฤติกรรมและแนวโน้มพฤติกรรมจริยธรรมทางสังคมแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ โดยพบว่าผู้ที่อยู่ในสังคมเมืองมีพฤติกรรมและแนวโน้มพฤติกรรมสังคมด้านบวกและด้านลบมากกว่ากลุ่มอื่น ๆ ในขณะที่คนในอำเภอชนบทมีพฤติกรรมและแนวโน้มพฤติกรรมดังกล่าวน้อยกว่ากลุ่มอื่น ๆ 3.6 ผู้มีอาชีพหลักของครอบครัวต่างกัน มีพฤติกรรมและแนวโน้มพฤติกรรมจริยธรรมทางสังคมแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ โดยพบว่าผู้ที่มีอาชีพรับราชการเป็นอาชีพหลักของครอบครัวมีพฤติกรรมและแนวโน้มพฤติกรรมสังคมด้านบวกมากกว่ากลุ่มอื่น ส่วนผู้ที่มีอาชีพธุรกิจการค้าและผู้มีอาชีพใช้แรงงานเป็นอาชีพหลักของครอบครัวมีพฤติกรรมและแนวโน้มพฤติกรรมสังคมด้านบวกใกล้เคียงกันน้อยกว่ากลุ่มอื่น
Creative Commons License

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
สุรังค์กาญจนจัย, สุวิมล, "พฤติกรรมและแนวโน้มพฤติกรรมจริยธรรมทางสังคม ตามคำรายงานของนักเรียน ครู และผู้ปกครอง" (1984). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 53306.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/53306