Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การศึกษาเปรียบเทียบผลการลงทุนในการใช้คอมพิวเตอร์ กับการไม่ใช้คอมพิวเตอร์ ในระบบการควบคุมพัสดุของธนาคารพาณิชย์ไทย

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

A comparative study of the return on investment between computer and manual application in inventory control of Thai commercial bank

Year (A.D.)

1984

Document Type

Thesis

First Advisor

ประยูร จินดาประดิษฐ์

Second Advisor

ปิยรัตน์ กฤษณามระ

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

บัญชีมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

การธนาคารและการเงิน

DOI

10.58837/CHULA.THE.1984.351

Abstract

ปัจจุบันคอมพิวเตอร์ได้เข้ามามีบทบาทกับงานของธนาคารพาณิชย์อย่างมาก ทั้งนี้ด้วยความสามารถในการประมวลผลได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพตลอดจนแบ่งเบาภาระงานประจำที่ต้องบันทึกซ้ำซ้อน ซึ่งงานเหล่านี้นับวันจะมีมากขึ้นตามการขยายตัวของธุรกิจ นอกจากนี้คอมพิวเตอร์ยังช่วยในการเก็บข้อมูลต่างๆ ที่ใช้ในการตัดสินใจ วางแผน และประเมินผล โดยสามารถเรียกใช้ได้ในทันทีที่ต้องการ ด้วยความสามารถดังกล่าวคอมพิวเตอร์จึงเหมาะกับงานของธุรกิจที่มีสภาพการแข่งขันสูง และขยายตัวอย่างรวดเร็วเช่นธนาคาร การควบคุมพัสดุคงคลังเป็นสิ่งที่จำเป็น และมีความสำคัญต่อการบริหารงานด้านพัสดุคงคลังของธนาคารอย่างยิ่ง เพราะถ้าปริมาณพัสดุคงคลังมีน้อยไม่เพียงพอกับความต้องการจะทำให้มีผลเสียหายต่อธนาคารได้ ในทางตรงข้ามถ้าปริมาณพัสดุคงคลังมีมากจนเกินไป ธนาคารต้องใช้เงินจำนวนมากเพื่อลงทุนสร้างพัสดุคงคลังจำนวนนี้ เงินจำนวนนี้เท่ากับเก็บไว้เฉย ๆ ในรูปพัสดุคงคลัง แทนที่จะมีโอกาสนำออกมาหาผลตอบแทนทางด้านอื่น เช่น นำไปให้กู้ ด้วยเหตุนี้ ธนาคารจึงต้องศึกษาถึงปริมาณพัสดุคงคลังที่จะเก็บเอาไว้ในคลังพัสดุ และศึกษาถึงปริมาณที่จะสั่งซื้อในแต่ละครั้ง เพื่อให้ค่าใช้จ่ายด้านพัสดุคงคลังต่ำสุด งานด้านพัสดุคงคลังของธนาคารมักจะมีปัญหาในเรื่องความล่าช้าของข้อมูลที่ใช้ในการตัดสินใจ เช่น การกำหนดขนาดของการสั่งซื้อ การกำหนดจุดสั่งซื้อ ซึ่งต้องอาศัยสถิติของข้อมูลในอดีตมาคำนวณโดยอาศัยสูตรทางคณิตสาสตร์ การจัดทำรายงานสำหรับเสนอผู้บริหาร ตลอดจนการจัดเก็บข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับพัสดุคงคลัง ซึ่งนับวันจะมีมากขึ้นตามการขยายตัวของธุรกิจ ธนาคาร การนำคอมพิวเตอร์มาใช้กับระบบการควบคุมพัสดุคงคลังจะช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าวที่เกิดขึ้น และทำให้การบริหารงานด้านพัสดุคงคลังเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและทันต่อเหตุการณ์ วิทยานิพนธ์ฉบับนี้ ได้จัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ที่จะศึกษาว่า ธนาคารพาณิชย์นอกจากจะนำเอาคอมพิวเตอร์มาใช้กับกิจการด้านอื่น ๆ เช่น ด้านเงินฝาก ด้านสินเชื่ออยู่แล้ว เมื่อลงทุนนำคอมพิวเตอร์มาใช้กับระบบควบคุมพัสดุคงคลังด้วย จะทำให้ธนาคารพาณิชย์ได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนใช้คอมพิวเตอร์ในการควบคุมพัสดุคงคลังที่คุ้มค่ากว่า การไม่ใช้คอมพิวเตอร์หรือไม่ โดยแบ่งวิเคราะห์ตามขนาดของธนาคารพาณิชย์คือ ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก การวิเคราะห์โดยใช้วิธีมูลค่าปัจจุบันสุทธิ และวิธีคำนวณหาอัตราผลตอบแทนที่แท้จริงซึ่งหลักเกณฑ์ในการพิจารณาคือ ถ้ามูลค่าปัจจุบันสุทธิเป็นบวก และอัตราผลตอบแทนที่แท้จริงสูงกว่าต้นทุนของเงินลงทุน แสดงว่าการลงทุนนั้น ธนาคารได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่า ธนาคารควรนำเอาคอมพิวเตอร์นั้นมาใช้ในการควบคุมพัสดุคงคลังด้วย แต่ถ้ามูลค่าปัจจุบันสุทธิเป็นลบ แสดงว่าการลงทุนนั้นไม่คุ้มค่า ธนาคารไม่ควรนำเอาคอมพิวเตอร์นั้นมาใช้กับระบบการควบคุมพัสดุคงคลัง ผลของการศึกษาปรากฏว่า ทั้งธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็กมูลค่าปัจจุบันสุทธิเป็นบวก และอัตราผลตอบแทนที่แท้จริงสูงกว่าต้นทุนของเงินลงทุน แสดงว่าธนาคารพาณิชย์เมื่อนำเครื่องคอมพิวเตอร์มาใช้กับระบบการควบคุมพัสดุคงคลัง จะทำให้ธนาคารพาณิชย์ได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่า และเมื่อวิเคราะห์ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ปรากฏว่า ธนาคารสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายด้านการควบคุมพัสดุคงคลังได้ เนื่องจากค่าใช้จ่ายของระบบควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์จะต่ำกว่าระบบควบคุมด้วยวิธีอื่น ซึ่งนอกจากประหยัดเป็นตัวเงินแล้ว ระบบการควบคุมพัสดุคงคลังด้วยคอมพิวเตอร์ยังก่อให้เกิดประโยชน์ที่ไม่สามารถประเมินเป็นตัวเลขได้ด้วย เช่น ในด้านประสิทธิภาพของการควบคุม ความถูกต้อง และความรวดเร็วในการบันทึกและรายงานผล ดังนั้นธนาคารจึงควรพิจารณานำคอมพิวเตอร์มาใช้กับระบบควบคุมพัสดุคงคลังของธนาคาร

Share

COinS