Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

บทบาทของวิทยาลัยครูในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่มีต่อการทำนุบำรุงวัฒนธรรมของชาติ

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

Roles of Teacher Colleges in North-Eastern Region of the National Cultural Preservation

Year (A.D.)

1983

Document Type

Thesis

First Advisor

วราภรณ์ บวรศิริ

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

ครุศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

อุดมศึกษา

DOI

10.58837/CHULA.THE.1983.282

Abstract

วัตถุประสงค์ของการวิจัย 1. เพื่อศึกษาบทบาทการทำนุบำรุงส่งเสริมวัฒนธรรมของชาติของวิทยาลัยครูในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2. เพื่อศึกษาถึงวิธีการดำเนินงาน การส่งเสริมทำนุบำรุงวัฒนธรรมของท้องถิ่นในเขตที่วิทยาลัยแต่ละแห่งรับผิดชอบ 3. เพื่อศึกษาปัญหาและอุปสรรคในด้านการดำเนินงานการทำนุบำรุงส่งเสริมรักษาวัฒนธรรมท้องถิ่นของวิทยาลัยครูในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 4. เพื่อเสนอแนะแนวทางในการทำนุบำรุงวัฒนธรรมในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ วิธีดำเนินการวิจัยประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ ผู้บริหารและอาจารย์ของวิทยาลัยครูในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 8 แห่ง ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2525 ส่วนกลุ่มตัวอย่างประกอบด้วย ผู้บริหารตั้งแต่ระดับหัวหน้าคณะวิชาขึ้นไป โดยใช้จากจำนวนประชากรทั้งหมด มีจำนวนทั้งสิ้น 56 คน อาจารย์ผู้สอนวิชาที่สัมพันธ์กับวัฒนธรรมทั้ง 5 สาขา คือ สาขาศิลปะ สาขามนุษยศาสตร์ สาขาช่างฝีมือ สาขากีฬาและนันทนาการ และสาขาคหกรรมศิลป์ มีจำนวน 120 คน และคณะกรรมการประจำศูนย์วัฒนธรรมของวิทยาลัย โดยใช้จากจำนวนประชากรทั้งหมดมีจำนวนทั้งสิ้น 64 คน รวมกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ มีจำนวน 240 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย เป็นแบบสอบถามที่มีลักษณะเป็นแบบเลือกตอบ (Check List) แบบมาตราส่วนประเมินค่า (Rating Scales) และแบบปลายเปิด (Open-Ended) รวมทั้งแบบสัมภาษณ์ ที่มีลักษณะเป็นแบบเลือกตอบ และแบบปลายเปิด จากแบบสอบถามที่ส่งไปจำนวน 240 ฉบับ ผู้วิจัยได้รับกลับคืน 196 ฉบับ คิดเป็นร้อยละ 81.67 แล้วนำมาวิเคราะห์โดยวิธีหาค่าร้อยละ (Percent) หาค่าเฉลี่ย (Mean) และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) ผลการวิจัย จากการวิจัยครั้งนี้ พบว่า 1. บทบาทการทำนุบำรุงส่งเสริมวัฒนธรรมของชาติของวิทยาลัยครูในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ยังปฏิบัติและดำเนินการเกี่ยวกับกิจกรรมทางด้านวัฒนธรรมอยู่ในระดับค่อนข้างน้อย ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมที่สามารถดำเนินบทบาทได้ในลักษณะของการสอน การประชาสัมพันธ์เผยแพร่ความรู้ทางด้านวัฒนธรรม และการทัศนศึกษาดูงานเป็นต้น 2. วิธีการส่งเสริมทำนุบำรุงวัฒนธรรมซึ่งจัดในรูปของกิจกรรมปรากฏว่า วิธีดำเนินงานที่ได้กระทำเป็นผลสำเร็จมากที่สุดอันดับ 1 คือ การร่วมมือกับสถานบันเอกชน องค์การและหน่วยงานอื่นๆ ของรัฐ รองลงมาได้แก่ การดำเนินงานเป็นเอกเทศ และการสนับสนุนให้หน่วยงานอื่นจัดทำ ตามลำดับ ส่วนลักษณะงานของการจัดกิจกรรมทางด้านวัฒนธรรมนั้น พบว่า ลักษณะงานที่มีความสำคัญเป็น 5 อันดับแรกคือ จัดนิทรรศการ จัดการแสดงและสาธิต จัดงานประเพณี จัดพิพิธภัณฑ์หรือหอวัฒนธรรมและจัดประชุมและสัมมนาตามลำดับ 3. ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงานของด้านวัฒนธรรมของวิทยาลัยครูในเขตภาคตะวันออกเฉลียงเหนือ ปรากฏว่า ด้านบุคลากร อาทิเช่น การมีเวลาไม่เพียงพอที่จะอุทิศให้แก่งานด้านวัฒนธรรม และจำนวนบุคลากรที่ปฏิบัติงานทางด้านวัฒนธรรมมีน้อย ฯลฯ เป็นปัญหาและอุปสรรค อยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างมาก ส่วนด้านอื่นๆ คือ ด้านการดำเนินงานและวิธีการทำงาน ด้านการประสานงานกับหน่วยงานอื่นทั้งภายในและภายนอกวิทยาลัย ด้านวิชาการและด้านปัญหาทั่วไปนั้น เป็นปัญหาและอุปสรรคในเกณฑ์ค่อนข้างน้อยทั้งสิ้น 4. แนวทางในการทำนุบำรุงวัฒนธรรมในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือจากการวิเคราะห์ผลการวิจัยทั้ง 3 ข้อดังกล่าวข้างต้น ผู้วิจัยได้เสนอแนะแนวทางในการทำนุบำรุงวัฒนธรรมในด้านต่างๆ คือ ด้านหลักสูตรและการสอน ด้านกิจกรรม ด้านเป้าหมาย ด้านงบประมาณ ด้านบุคลากร และด้านการประสานงาน ข้อเสนอแนะต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรม 1. วิทยาลัยครูในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ควรจัดให้มีการประชุมสัมมนาเพื่อทบทวนบทบาทในด้านต่างๆว่า ในแต่ระรอบปีการศึกษาที่ผ่านมานั้นวิทยาลัยได้ปฏิบัติตามจุดมุ่งหมายของการฝึกหัดครูและตามวัตถุประสงค์ของแต่วิทยาลัยหรือไม่ เพียรไร 2. การพิจารณาคัดเลือกบุคลากรที่มาปฏิบัติงานทางด้านวัฒนธรรมนั้น ควรคำนึงถึงความรู้ ความสามารถความรับผิดชอบและความศรัทธาต่องานของบุคลากรเป็นสำคัญ 3. ควรจัดชั่วโมงสอนสำหรับอาจารย์ที่ปฏิบัติงานในศูนย์วัฒนธรรมให้น้อยลงเพื่อให้มีเวลาที่จะดำเนินงานด้านวัฒนธรรมได้อย่างเต็มที่ และในการพิจารณาความดีความชอบ ควรยึดถือเอาผลงานทางด้านวัฒนธรรมเป็นส่วนหนึ่งด้วย 4. วิทยาลัยครูให้ความสำคัญแก่งานทุกด้านเท่าเทียมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดสรรงบประมาณ แม้ว่าจะเป็นการจัดกิจกรรมแต่ช่วยเสริมวิชาการให้ดีขึ้น 5. วิทยาลัยครูควรให้ความช่วยเหลือในด้านการประสานงานติดต่อกับหน่วยงานอื่นๆ ทั้งของรัฐและเอกชน เพื่อให้การดำเนินงานด้านวัฒนธรรมเป็นไปโดยสะดวกและรวดเร็ว 6. กรมการฝึกหัดครูและสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ควรให้ทุนสนับสนุนให้บุคลากรในวิทยาลัยครูได้มีการศึกษา วิจัย และจัดทำหนังสืออ่านประกอบที่เกี่ยวกับวัฒนธรรมของท้องถิ่นและของชาติ

Share

COinS