Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

โครงสร้างสภาพแวดล้อมทางกายภาพขององค์ประกอบชุมชนที่อยู่อาศัย ระดับตำบล : การศึกษากรณีตัวอย่าง

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

Physical structure of neighborhood facilities : a case sutdy

Year (A.D.)

1983

Document Type

Thesis

First Advisor

วิมลสิทธิ์ หรยางกูร

Second Advisor

สุวัฒนา ธาดานิติ

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

สถาปัตยกรรมศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

สถาปัตยกรรม

DOI

10.58837/CHULA.THE.1983.530

Abstract

การวิจัย เป็นการศึกษาถึงโครงสร้างทางกายภาพขององค์ประกอบชุมชน ภายในชุมชนที่อยู่อาศัยขนาดตำบล ซึ่งมีประชากรประมาณ ๘,๐๐๐ -๑๒,๐๐๐ คน และมีความสมบูรณ์ในตัวเอง ในลักษณะของประเภท จำนวน และตำแหน่งที่ตั้งขององค์ประกอบชุมชน ตลอดจนสัดส่วนของการใช้ที่ดิน โดยได้ทำการศึกษาจากชุมชน ๓ แห่ง คือ เทศบาลเมืองปทุมธานี ซึ่งเป็นชุมชนในระดับจังหวัด และเทศบาลตำบลกระทุ่มแบนกับเทศบาลเมืองบางบัวทอง ซึ่งเป็นชุมชนในระดับตำบล เพื่อเปรียบเทียบโครงสร้างขององค์ประกอบชุมชนที่มีบทบาทเฉพาะทางการใช้สอย (functional role) แตกต่างกัน และหาข้อสรุปของโครงสร้างทางกายภาพขององค์ประกอบชุมชนที่ควรจะเป็นของชุมชนขนาดตำบล สมมติฐานหลักของการศึกษานี้ คือ ชุมชนที่อยู่อาศัยขนาดตำบลใด ๆ จะมีประเภทและปริมาณขององค์ประกอบชุมชนระดับมูลฐานอยู่จำนวนหนึ่ง และมีองค์ประกอบชุมชนระดับพิเศษตามบทบาทเฉพาะทางการใช้สอย โดยองค์ประกอบชุมชนทั้งหลายนี้ ตั้งอยู่ในตำแหน่งที่เรียงลำดับจากจุดศูนย์กลางชุมชน ตามความถี่ของการใช้สอย สมมติฐานนี้ สอดคล้องกับทฤษฎีชุมชน ‘Neighborhood’ ซึ่งมีแนวความคิดว่า ชุมชนที่อยู่อาศัยที่สมบูรณ์ในตัวเอง จะต้องประกอบด้วย สาธารณูปโภคและสาธารณูปการที่บริการชุมชนเพียงพอ ลักษณะทางกายภาพของชุมชนทั้ง ๓ แห่ง มีสภาพคล้ายคลึงกันกล่าวคือ มีกิจกรรมศูนย์กลาง (central place functions) ที่เป็นองค์ประกอบชุมชนอยู่ใจกลางชุมชนล้อมรอบด้วยที่อยู่อาศัยและมีพื้นที่เกษตรกรรมอยู่รอบนอก กิจกรรมศูนย์กลางประกอบด้วย กลุ่มพานิชยกรรม กลุ่มสถาบันทางราชการและบริการสาธารณะ กลุ่มสถาบันทางการศึกษาและกลุ่มสถาบันทางศาสนา การตั้งถิ่นฐานอยู่ในลักษณะที่มีการพัฒนาการแบบแนวยาว (linear) ตามเส้นทางคมนาคม จากการศึกษาการใช้ที่ดินของชุมชนทั้ง ๓ แห่ง โดยเฉลี่ยอยู่ในอัตราส่วนพื้นที่กิจกรรมศูนย์กลางร้อยละ ๑๔.๐๓ ของพื้นที่ชุมชน โดยแบ่งพื้นที่พานิชยกรรมร้อยละ ๕.๖๒ พื้นที่สถานที่ราชการร้อยละ ๒.๐๑ พื้นที่สถาบันทางการศึกษาร้อยละ ๓.๘๓ และพื้นที่ศาสนสถานร้อยละ ๒.๕๗ สำหรับพื้นที่ชุมชนส่วนที่เหลืออีก ๘๕.๙๗% เป็นพื้นที่อุตสาหกรรม ที่อยู่อาศัย พื้นที่เกษตรกรรม ที่ว่าง คูคลองสาธารณะ และพื้นที่สาธารณูปโภค จากการศึกษาประเภทและจำนวนองค์ประกอบชุมชนใน ๓ ชุมชน ด้วยวิธีทดสอบด้วยไคสแควร์ในระดับนัยสำคัญ ๐.๐๕ พบว่า ไม่ปรากฏความแตกต่างกันในจำนวนของชุมชนทั้ง ๓ แห่ง จึงได้ผลสรุปของประเภทและจำนวนขององค์ประกอบชุมชนในระดับขั้นมูลฐานเป็นผลเฉลี่ย คือ ด้านพานิชยกรรมแบ่งเป็น ๔ ประเภท ได้แก่ ประเภทที่หนึ่ง กลุ่มกิจกรรมขายปลีก มีจำนวน ๑๘๒ หน่วยกิจกรรม คิดเป็นอัตราส่วน ๒๕-๓๗ หน่วยกิจกรรมต่อประชากร ๑,๐๐๐ คน หน่วยกิจกรรมขายปลีกนี้ประกอบด้วย กลุ่มสินค้าเกี่ยวกับการบริโภคจำนวน ๗๕ หน่วยกิจกรรม หรือ ๙-๑๕ หน่วยต่อ ประชากร ๑,๐๐๐ คน กลุ่มสินค้าเกี่ยวกับที่อยู่อาศัย ๑๘ หน่วยกิจกรรม หรือ ๓ หน่วยต่อ ๑,๐๐๐ คน และกลุ่มสุดท้ายของกิจกรรมขายปลีกคือ กลุ่มสินค้าเฉพาะอย่าง มีจำนวน ๒๖ หน่วยกิจกรรม หรือเป็นอัตราส่วน ๕-๖ หน่วยต่อประชากร ๑,๐๐๐ คน กิจกรรมด้านพานิชยกรรมประเภทที่สอง คือกิจกรรมด้านบริการ มีจำนวน ๖๘ หน่วยกิจกรรม หรือ ๑๑-๑๔ หน่วยต่อประชากร ๑,๐๐๐ คน ในจำนวนกิจกรรมด้านบริการนี้ ประกอบด้วยกิจกรรมด้านวิชาชีพ จำนวน ๑๕ หน่วยกิจกรรม คิดเป็น ๓ หน่วยต่อ ๑,๐๐๐ คน กิจกรรมบริการด้านบุคคล ๔๐ หน่วยกิจกรรม หรือ ๕-๘ หน่วยต่อ ๑,๐๐๐ คน และกิจกรรมบริการทั่วไป ๑๓ หน่วยหรือ ๓ หน่วยต่อ ๑,๐๐๐ คน กิจกรรมประเภทที่สาม คือกิจกรรมขายส่งมีจำนวน ๙ หน่วยกิจกรรม คิดเป็นอัตราส่วน ๑-๒ หน่วยต่อประชากร ๑,๐๐๐ คน ประเภทสุดท้ายคือกิจกรรมการขนส่ง พบว่ามีจำนวน ๒๑ หน่วยกิจกรรม ซึ่งประกอบด้วย กิจกรรมด้านยานพาหนะ อุปกรณ์และบริการเกี่ยวกับเครื่องยนต์มีจำนวน ๑๕ หน่วยกิจกรรม หรือ ๓ หน่วยต่อ ๑,๐๐๐ คน และกิจกรรมด้านบริการขนส่ง ในชุมชนระดับตำบลนี้จะมีบริการขนส่งระหว่างจังหวัด ๑ หน่วยบริการ สำหรับองค์ประกอบชุมชนระดับมูลฐานด้านสถาบันและบริการสาธารณะ ปรากฏว่าสถาบันทางการศึกษามีทั้งหมด ๕ โรงเรียน ประกอบด้วยโรงเรียนอนุบาลขนาด ๑๒๐ คน ๑ แห่ง โรงเรียนประถมศึกษาขนาด ๗๐๐ คน ๓ แห่ง และโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นขนาด ๑,๖๐๐ คน ๑ แห่ง บริการสาธารณะอื่น ๆ มีจำนวน ๔ ประเภท ประกอบด้วย การสื่อสาร สหกรณ์ สถานธนานุบาล และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ นอกจากนั้นพบว่าสถานที่ราชการมี ๕ สถาบัน คือ สำนักงานเทศบาล ที่ว่าการอำเภอ สถานีดับเพลิง สถานีตำรวจ และสำนักงานการเกษตรประมงและสัตวบาล นอกจากองค์ประกอบชุมชนขั้นมูลฐานแล้ว การวิจัยยังพบว่า ในเทศบาลเมืองปทุมธานีซึ่งบริการประชากรในระดับจังหวัด ปรากฏองค์ประกอบชุมชนระดับพิเศษ คือ ด้านพานิชยกรรมมีห้างสรรพสินค้า ๒ แห่ง ภัตตาคาร ๒ แห่ง สถานฝึกสอนวิชาชีพ ๓ แห่ง และโรงแรม ๑ แห่ง กิจกรรมเหล่านี้ไม่ปรากฏในชุมชนกระทุ่มแบนและบางบัวทอง ส่วนองค์ประกอบชุมชนด้านสถาบันและบริการสาธารณะปรากฏว่ามีโรงเรียนมัธยมศึกษาในระดับมัธยมปลาย ๑ แห่ง นอกจากนี้ยังพบกองกำกับการตำรวจภูธร ศึกษาธิการจังหวัด องค์การบริหารราชการส่วนจังหวัด ฯลฯ เป็นต้น ผลของการศึกษาเป็นไปตามสมมติฐานที่กล่าวว่า ชุมชนมีองค์ประกอบชุมชนระดับความจำเป็นขั้นมูลฐานที่เหมือนกันและมีองค์ประกอบชุมชนระดับพิเศษตามบทบาทเฉพาะของชุมชน สำหรับการศึกษาตำแหน่งที่ตั้งขององค์ประกอบชุมชนปรากฏว่า องค์ประกอบชุมชนด้านพานิชยกรรมอยู่ในตำแหน่งที่ใกล้ที่สุด คือ ในช่วงระยะทาง ๗๐-๕๐๐ เมตรจากศูนย์กลางชุมชนโดยมีกิจกรรมขายปลีกอยู่ในช่วง ๗๐-๒๗๗ เมตร กิจกรรมขายส่งในระยะ ๑๘๖ เมตร กิจกรรมด้านการขนส่งในช่วง ๑๘๕-๓๗๓ เมตร และกิจกรรมด้านบริการอยู่ในช่วง ๑๕๒-๕๓๖ เมตร ส่วนตำแหน่งขององค์ประกอบชุมชนด้านสถาบันและบริการสาธารณะพบว่าอยู่ในระยะโดยเฉลี่ย ๖๒๑ เมตรจากศูนย์กลางชุมชน ซึ่งจำแนกเป็นกิจกรรมบริการสาธารณะอยู่ในตำแหน่งใกล้ศูนย์กลางชุมชนที่สุดของกลุ่มสถาบันและบริการสาธารณะคือ ช่วง ๑๕๘-๕๓๖ เมตร ส่วนตำแหน่งขององค์ประกอบชุมชนด้านสถาบันและบริการสาธารณะพบว่าอยู่ในระยะโดยเฉลี่ย ๖๒๑ เมตรจากศูนย์กลางชุมชน ซึ่งจำแนกเป็นกิจกรรมบริการสาธารณะอยู่ในตำแหน่งใกล้ศูนย์กลางชุมชนที่สุดของกลุ่มสถาบันและบริการสาธารณะคือ ช่วง ๑๕๘-๖๓๕ เมตร กลุ่มสถานที่ราชการอยู่ในอันดับรองลงมาคือ ๕๐๐ เมตร กิจกรรมสาธารณสุขอยู่ในระยะ ๕๒๙ เมตร กลุ่มศาสนสถานในระยะ ๖๐๗ เมตร และสุดท้ายสถาบันทางการศึกษาอยู่ในช่วง ๓๑๓-๑,๑๙๓ เมตรโดยเฉลี่ย ประกอบด้วยโรงเรียนอนุบาลในระยะทาง ๓๑๒ เมตร โรงเรียนประถมศึกษาระยะ ๙๔๙ เมตร และโรงเรียนมัธยมศึกษา ๑,๑๙๓ เมตร ผลของการศึกษาการจัดตำแหน่งขององค์ประกอบชุมชนปรากฏระยะทางของกิจกรรมต่าง ๆ ได้เรียงลำดับตามปริมาณความถี่ของการใช้สอยของประชากรในชุมชน นอกจากนั้น การศึกษายังได้ทำการเปรียบเทียบโครงสร้างทางกายภาพของชุมชนจากการวิจัยกับชุมชน ‘Neighborhood’ พบว่าลักษณะของโครงสร้างชุมชนใกล้เคียงกัน คือขนาดชุมชนอยู่ในช่วงประชากร ๖,๐๐๐-๑๒,๐๐๐ คน มีกิจกรรมศูนย์กลางตามความจำเป็นของการดำเนินชีวิตประจำวันในบริเวณใจกลางชุมชน ซึ่งอยู่ในระยะทางที่สามารถบริการชุมชนได้ทั่วถึง การศึกษาประการสุดท้าย ได้ทำการเปรียบเทียบองค์ประกอบชุมชนจากการวิจัยกับองค์ประกอบชุมชนตามข้อกำหนดของการเคหะแห่งชาติ ปรากฏว่าองค์ประกอบชุมชนตามมาตรฐานของการเคหะแห่งชาติไม่อาจกล่าวได้ว่ามีปริมาณเพียงพอกับความต้องการของประชากร ชุมชนของการเคหะแห่งชาติเป็นเพียงชุมชนประเภทบริวาร ไม่สามารถพึ่งตนเองได้ ต้องอาศัยการบริการจากเมืองใหญ่ จึงไม่อาจนับได้ว่า เป็นชุมชนที่สมบูรณ์ในตัวเอง ผลของการศึกษาทั้งหมดนี้ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เพื่อให้การดำเนินชีวิตประจำวันของมนุษย์ เป็นไปอย่างราบรื่นพอควรแก่อัตภาพ จำเป็นต้องมีส่วนประกอบการอยู่อาศัยขั้นมูลฐานอยู่ในปริมาณที่เพียงพอ และมีตำแหน่งที่เหมาะสมแก่การใช้สอย อันจะเป็นข้อมูลเบื้องต้นในการออกแบบสภาพแวดล้อมทางกายภาพของชุมชนที่อยู่อาศัยระดับตำบล ไม่ว่าชุมชนนั้นจะเป็นชุมชนประเภทใด ทั้งนี้จะสามารถส่งเสริมให้แต่ละชุมชนสามารถพึ่งตนเองได้ ประการสุดท้ายโครงสร้างของชุมชนที่สมบูรณ์ในตัวเองนี้จะสามารถเป็นแนวทางในการวางผังระดับภาคด้วย

Share

COinS