Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การศึกษาความเป็นไปได้ของการสูบน้ำจากแม่น้ำป่าสัก เพื่อใช้ในการชลประทานที่หมู่บ้านตัวอย่างหินซ้อน จังหวัดสระบุรี

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

Feasibility study of water pumping from Pasak River for irrigation in Hin son Demonstration Village at Saraburi Province

Year (A.D.)

1983

Document Type

Thesis

First Advisor

ธำรง เปรมปรีด์

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

วิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

วิศวกรรมโยธา

DOI

10.58837/CHULA.THE.1983.498

Abstract

นิคมสร้างตนเองพระพุทธบาท สระบุรี-ลพบุรี ได้จัดตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2483 ซึ่งนับได้ว่าเป็นนิคมสร้างตนเองแห่งแรก และได้รับความช่วยเหลือจากหลายฝ่าย ทำให้ฐานะของสมาชิกนิคมฯ มีรายได้เฉลี่ยอยู่ในระดับปานกลาง แต่ก็มีบางท้องที่ที่มีรายได้เฉลี่ยค่อนข้างต่ำ ทั้งนี้เนื่องจากการเพาะปลูกขึ้นอยู่กับสภาพดินฟ้าอากาศและขาดปัจจัยการผลิตที่สำคัญ คือ น้ำ ดังนั้นกรมประชาสงเคราะห์ได้ร่วมมือกับทางคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยศึกษาหาแนวทางแก้ไข หลังจากการศึกษาได้เสนอให้มีการสูบน้ำจากแม่น้ำป่าสักขึ้นมาใช้ในเขตหมู่บ้านตัวอย่างหินซ้อน ซึ่งคาดว่ามีความเป็นไปได้ ในการศึกษาครั้งนี้ได้ทำการศึกษาถึงการสูบน้ำจากแม่น้ำป่าสักขึ้นมาโดยทางท่อทั้งสูบขึ้นมาโดยตรง และสูบขึ้นมาใช้ร่วมกับอ่างเก็บน้ำขนาดเล็กเพื่อลดการขาดน้ำในฤดูแล้ง โดยแนวของท่อส่งน้ำพยายามวางให้มีผลกระทบต่อปัญหาเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดินน้อยที่สุด ในการศึกษาครั้งนี้ได้กำหนดแนวทางเผื่อเลือกไว้ 4 แนวทางดังนี้คือ แนวทางเผื่อเลือกที่ 1 เป็นการสูบน้ำจากแม่น้ำป่าสักขึ้นมาเก็บไว้ในอ่างเก็บน้ำขนาดเล็กที่มีความจุประมาณ 188,680 ลบ. เมตร แล้วมีเครื่องสูบน้ำอีกชุดสูบจ่ายไปยังพื้นที่เพาะปลูก แนวทางเผื่อเลือกที่ 2 เป็นการสูบน้ำจากแม่น้ำป่าสักขึ้นมาใช้โดยตรง แนวทางเผื่อเลือกที่ 3 เป็นการสูบน้ำจากแม่น้ำป่าสักขึ้นมาใช้ร่วมกับอ่างเก็บน้ำขนาดเล็กที่มีความจุประมาณ 188,680 ลบ.เมตร เมื่อปริมาณน้ำที่สูบขึ้นมาเหลือเกินความต้องการก็จะปล่อยลงอ่างเก็บน้ำ แนวทางเผื่อเลือกที่ 4 เป็นการสูบน้ำจากแม่น้ำป่าสักขึ้นมาเก็บไว้ในอ่างเก็บน้ำขนาดเล็กที่มีความจุประมาณ 73,900 ลบ.เมตร จากการศึกษาครั้งนี้พบว่าแนวทางเผื่อเลือกที่ 1 มีความเป็นไปได้มากกว่าแนวทางเผื่อเลือกอื่นๆ คือ มีค่าอัตราส่วนผลประโยชน์ต่อทุน เท่ากับ 1.33 ซึ่งอัตราส่วนสูงกว่า 1 ไม่มากนัก แต่หากมีการจัดแบ่งแปลงที่ดินให้เหมาะสมกับระบบชลประทาน และรวมเอาเนื้อที่ข้างเคียงตามแนวของท่อเข้ารวมด้วยจะมีความเป็นไปได้สูงกว่าการศึกษาครั้งนี้มาก ดังนั้นหากมีการศึกษาต่อจากการศึกษาครั้งนี้ควรมีการปรับปรุงแนวของท่อส่งน้ำ และแผนการปลูกพืชให้เหมาะสมขึ้นมากกว่าการศึกษาครั้งนี้

Share

COinS