Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

สมรรถภาพการสืบพันธุ์ในแม่โคนมและโคนมสาวทดแทนที่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไวรัสไอบีอาร์ บีวีดี พีไอ-3 และบีอาร์เอส

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

Reproductive Performance in Dairy Cows and Heifers Given Bovine Rhinotracheitis Viral Diarrhea Parainfluenza-3 Respiratory Syncytial Viruses Vaccine

Year (A.D.)

2002

Document Type

Thesis

First Advisor

ปราจีน วีรกุล

Second Advisor

พีระศักดิ์ จันทร์ประทีป

Third Advisor

วิชัย ทันตศุภารักษ์

Faculty/College

Faculty of Veterinary Science (คณะสัตวแพทยศาสตร์)

Degree Name

วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

วิทยาการสืบพันธุ์สัตว์

DOI

10.58837/CHULA.THE.2002.1783

Abstract

งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของการฉีดวัคซีนไวรัสรวม (ประกอบด้วย ไวรัสไอบีอาร์ บีวีดี พีไอ-3 และบีอาร์เอส) ต่อสมรรถภาพการสืบพันธุ์และความชุกของการแสดงอาการของโรคที่มีความสัมพันธ์กับการติดเชื้อไวรัสระบบสืบพันธุ์และระบบทางเดินหายในใจฝูงโคนม จำนวน 164 ตัว เป็นแม่โคนม (ให้นมครั้งที่ 1-7) และโคนมสาวทดแทน (อายุระหว่าง 13-31 เดือน) จำนวน 103 และ 61 ตัว ตามลำดับ โดยแบ่งโคนมออกเป็น 2 กลุ่มเท่าๆ กัน กลุ่มที่ 1 ได้รับวัคซีนรวม ส่วนกลุ่มที่ 2 ได้รับการฉีดสารละลายน้ำเกลือ (0.9 เปอร์เซ็นต์) จากนั้นติดตามผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนเป็นเวลา 3 วัน เก็บซีรั่มโคนมทุกตัวก่อนเข้าทดลอง หลังทดลอง 1 6 และ 12 เดือน เพื่อตรวจหาระดับแอนติบอดีต่อไวรัสไอบีอาร์ พบว่า การฉีดวัคซีนนอกจากสามารถเพิ่มการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันและให้ระดับแอนติบอดีต่อไวรัสไอบีอาร์สูงกว่าการไม่ได้ฉีดวัคซีนทั้งในแม่โคนมและโคนมสาวอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) แล้ว ยังมีความปลอดภัยจากการฉีดวัคซีนและไม่มีผลกระทบต่อการให้ผลผลิตน้ำนม 5 วันหลังฉีดวัคซีน (p>0.05) เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน นอกจากนั้น ยังพบว่ากลุ่มที่ได้รับการฉีดวัคซีนมีแนวโน้มเพิ่มสมรรถภาพการสืบพันธุ์เมื่อเปรียบเทียบกับการไม่ได้ฉีดวัคซีน (p>0.05) ดังนี้ ลดระยะท้องว่าง (153.2 และ 178.5 วัน) เพิ่มอัตราการผสมติดครั้งแรก (39.2 และ 36.4 เปอร์เซ็นต์) ลดจำนวนครั้งของการผสมต่อการผสมติด (2.3 และ 2.6 ครั้ง) ลดอัตราการสูญเสียลูก (7.8 และ 10.9 เปอร์เซ็นต์) และลดอัตราลูกอ่อนแอหรือเสียชีวิตหลังคลอด (3.9 และ 6.2 เปอร์เซ็นต์) อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถยืนยันได้ว่า การฉีดวัคซีนสามารถลดความชุกของการเกิดโรคที่มีความสัมพันธ์กับการติดไวรัสไอบีอาร์ได้ การศึกษานี้ชี้ให้เห็นว่า การฉีดวัคซีนไวรัสรวมสามารถเพิ่มการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันต่อไวรัสไอบีอาร์และมีแนวโน้มเพิ่มสมรรถภาพทางการสืบพันธุ์ของโคนมในฝูงโคนมที่มีภูมิคุ้มกันต่อโรคไอบีอาร์

Other Abstract (Other language abstract of ETD)

This study investigated the effects of giving a Bovine Rhinotracheitis, Viral Diarrhea, Parainfluenza-3, Respiratory Syncytial (IBR-BVD-PI3-BRS) virus vaccine on the vaccination response, the reproductive performance and the prevalence of the diseases related to these viruses. A total of 164 dairy cattle, 103 cows (1-7 lactations) and 61 heifers (13-31 months old) were divided into 2 equal groups – vaccinated (VC) and non-vaccinated (NVC). The NVC group was injected with 0.9% normal saline. The vaccination reaction was observed for 3 days after administration. Blood samples were collected before vaccination and 1, 6 and 12 –months after the vaccination to measure the level of IBR antibodies. No tissue reaction was found in either group. The vaccination responses (both the number of animals and antibody titers) were significantly higher (p<0.05) in the VC group. Vaccination did not affect milk production during the 5 days post vaccination (p>0.05). Reproductive performances were not significantly different (p>0.05) between VC group and NVC group with days open (153.2 vs. 178.5 days), conception rate at first service (39.2 vs. 36.4 %), number of services/conception (2.3 vs. 2.6), calf mortality (7.8 vs. 10.9%) and the birth of weakly calves or neonatal calf death (3.9 vs. 6.2%). The prevalence of any disease could not be related to viral infections. The results of this study showed that the level of IBR antibody was increased as was a trend to improved reproductive performance.

Link to Full Text

Share

COinS