Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

บทบาทของพระภิกษุในการพัฒนาชุมชนชนบทไทย (พ.ศ. 2500-2520)

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

Roles of Buddhist monks in the development of Thai rural communities (1957-1977)

Year (A.D.)

1983

Document Type

Thesis

First Advisor

ธิดา สาระยา

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

อักษรศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

ประวัติศาสตร์

DOI

10.58837/CHULA.THE.1983.581

Abstract

จากประวัติพระพุทธศาสนาซึ่งมีเรื่องราวสืบเนื่องติดต่อกันมาเป็นระยะเวลายาวนานกว่า ๒๕๐๐ ปี ได้แสดงให้เห็นว่า พระภิกษุเป็นผู้มีบทบาทอันสำคัญยิ่งในสังคมในฐานะผู้นำทางจิตใจ ผู้แนะแนวทางการดำเนินชีวิตอันดีงาม และผู้บำเพ็ญประโยชน์สงเคราะห์มวลชน อันเป็นบทบาทที่สืบเนื่องจากการดำเนินรอยตามพุทธจริยาซึ่งได้ทรงปฏิบัติไว้เป็นแบบอย่าง และเป็นการปฏิบัติตามพระธรรมวินัย ซึ่งกำหนดให้พระภิกษุสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับสังคมอย่างใกล้ชิด และให้เกื้อกูลในกิจอันเป็นประโยชน์สุขแก่ชาวโลกด้วยเหตุนี้ จึงปรากฏว่าพระภิกษุนับแต่ครั้งอดีตกาลเรื่อยมา ได้มีบทบาทเกี่ยวข้องกับสังคม ในการพัฒนาชีวิตจิตใจและความเป็นอยู่ของชาวบ้านตามควรแก่สมณวิสัยอยู่เสมอวิทยานิพนธ์เรื่องนี้มีจุดประสงค์ที่จะศึกษาให้ทราบถึงสาเหตุที่พระภิกษุได้เข้าร่วมในโครงการพัฒนาชุมชนชนบทของไทย ระหว่าง พ.ศ. ๒๕๐๐-๒๕๒๐ โดยเน้นถึงผลที่เกิดจากกิจกรรมดังกล่าว ทั้งในส่วนที่มีต่อชุมชนเหล่านั้น และส่วนที่มีต่อรัฐบาลและพระภิกษุเอง เมื่อสังคมไทยได้เริ่มเปลี่ยนแปลงเป็นแบบสมัยใหม่ตามความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาการตะวันตกนั้น วิถีชีวิตและค่านิยมของชาวไทยก็เริ่มเบี่ยงเบนไป มีการรับเอาความเจริญทางวัตถุแบบใหม่ ๆ และสถาบันต่าง ๆ ก็เริ่มเข้ามาแทนที่ความสำคัญของวัดและพระภิกษุซึ่งเคยเป็นศูนย์กลางของชุมชนไทย โดยเฉพาะหน้าที่ในการให้การศึกษา ซึ่งเคยเป็นบทบาทดั้งเดิมที่พระภิกษุได้รับผิดชอบอย่างเต็มภาคภูมิมาโดยตลอด ตั้งแต่ครั้งอดีตกาลอันยาวนานก็ได้หมดสิ้นลงไปด้วย สาเหตุเหล่านี้ได้เป็นแรงจูงใจให้พระภิกษุเริ่มเคลื่อนไหวเพื่อปรับปรุงและฟื้นฟูฐานะของตนในสังคม โดยเริ่มจากการก่อตั้งสถาบันการศึกษาในระดับสูงของคณะสงฆ์ เพื่อเป็นแหล่งศึกษาหาความรู้ในวิชาการสมัยใหม่ควบคู่ไปกับด้านปริยัติธรรม เพื่อช่วยให้พระภิกษุสามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานะของสังคมได้ และได้มีการจัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนาและปฏิบัติศาสนกิจช่วยเหลือสังคมตามหลักการดั้งเดิม ความเคลื่อนไหวดังกล่าว เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่รัฐบาลมีความจำเป็นที่จะต้องขอความช่วยเหลือจากคณะสงฆ์ในการพัฒนาประเทศเพื่อความเจริญก้าวหน้าและความมั่นคงปลอดภัยของบ้านเมือง จึงเป็นแรงผลักดันให้พระภิกษุเข้าเกี่ยวข้องในการดำเนินงานให้สอดคล้องกับนโยบายในการบริหารประเทศของรัฐบาล จากการศึกษาได้พบว่า ความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่กระทบกระเทือนต่อฐานะในทางสังคมของพระภิกษุดังกล่าว มีผลโดยตรงในชุมชนเมืองเป็นส่วนใหญ่ แต่ในชุมชนชนบทโดยทั่วไป ชีวิตความเป็นอยู่ภายในสังคมชาวไทยยังเป็นแบบเดิมเป็นส่วนมาก เนื่องจากความเปลี่ยนแปลงตามรูปแบบสังคมสมัยใหม่ยังมิได้แผ่ขยายเข้าไปในท้องถิ่นอันห่างไกลเหล่านี้ได้ทั่วถึงนัก พระภิกษุในชนบทจึงยังคงมีความสัมพันธ์อันใกล้ชิด ได้รับความเคารพยกย่องจากชาวบ้าน ทั้งยังมีบทบาทเป็นผู้นำคนสำคัญในการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ในทางสังคมร่วมกับชาวบ้านอยู่ตามเดิมโดยไม่เปลี่ยนแปลง ด้วยเหตุนี้ การดำเนินงานพัฒนาชุมชนโดยพระภิกษุ จึงแบ่งออกเป็น ๒ ลักษณะตามสภาพการที่เป็นอยู่ ลักษณะแรกคือพระภิกษุในชนบท ซึ่งมีความรู้ความสามารถในการนำพัฒนาความเจริญให้แก่หมู่บ้านอยู่แล้ว ก็จะทำการพัฒนาร่วมกันกับชาวบ้านในท้องถิ่นนั้น ๆ ไปอย่างเสรี ตามความเหมาะสมและสภาพความจำเป็นในแต่ละท้องถิ่น ส่วนอีกลักษณะหนึ่งคือ การที่คณะสงฆ์ในส่วนกลางได้ร่วมกันจัดตั้งโครงการพัฒนาชุมชนที่ดำเนินการโดยคณะสงฆ์ และด้วยความร่วมมือสนับสนุนทางด้านการเงินและการประสานงานจากรัฐบาลเป็นหลัก เพื่อส่งพระภิกษุออกไปปฏิบัติศาสนกิจเผยแผ่พระพุทธศาสนาและช่วยเหลือในการพัฒนาทั้งทางวัตถุและจิตใจแก่ชาวชนบท งานพัฒนาชุมชนที่ดำเนินการโดยพระภิกษุนั้น มีทั้งในด้านการพัฒนาวัด การพัฒนาหมู่บ้าน การพัฒนาจิตใจและการศึกษา รวมทั้งการให้บริการสงเคราะห์ในเรื่องอื่น ๆ แก่ชาวบ้านโดยทั่วไป ซึ่งปรากฏผลว่า การพัฒนาชุมชนที่พระภิกษุได้ดำเนินการเองอย่างเสรีนั้น ส่วนใหญ่จะสามารถช่วยเหลือชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านได้เป็นอย่างดี อันเป็นผลจากการที่ชาวบ้านยอมรับบทบาทผู้นำของพระภิกษุในชุมชนของตน เพราะเป็นผู้ที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับชาวบ้าน ประกอบกับการอุทิศตนเพื่อช่วยเหลือชาวบ้านอย่างจริงจังด้วยเจตนาอันบริสุทธิ์และเสียสละ ทำให้ชาวบ้านเกิดความเลื่อมใสศรัทธาและให้ความร่วมมือสนับสนุนให้งานพัฒนานั้นสำเร็จลุล่วง ส่วนโครงการพัฒนาชุมชนที่คณะสงฆ์และรัฐร่วมกันดำเนินการนั้น เนื่องจากถูกมองอย่างสงสัยว่ารัฐบาลได้อาศัยคณะสงฆ์เป็นเครื่องมือในทางการเมือง เพื่อต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์ และเพื่อรวมความจงรักภักดีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของคนในชาติ ทำให้การเข้ามายุ่งเกี่ยวกับรัฐอย่างเปิดเผยและการจัดกิจกรรมในทางโลก เพื่อพัฒนาชาวชนบทโดยคณะสงฆ์นั้นไม่ได้รับการยอมรับและให้ความร่วมมือจากชาวบ้านเท่าที่ควร นอกจากนี้ การส่งพระภิกษุจากส่วนกลางที่ชาวชนบทไม่มีความรู้จักคุ้นเคยอย่างแท้จริง ตลอดจนการดำเนินงานเพียงชั่วระยะเวลาอันสั้นภายในรอบปีหนึ่ง ๆ และอุปสรรคด้านอื่น ๆ อีกหลายประการ ทำให้โครงการเหล่านี้ ไม่เจริญก้าวหน้าและประสบความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้

Share

COinS