Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
มณฑลอีสานและความสำคัญในทางประวัติศาสตร์
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
Monthon Isan and its historical significance
Year (A.D.)
1983
Document Type
Thesis
First Advisor
ศรีศักร วัลลิโภดม
Second Advisor
ธิดา สาระยา
Faculty/College
Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)
Degree Name
อักษรศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
ประวัติศาสตร์
DOI
10.58837/CHULA.THE.1983.576
Abstract
มณฑลอีสาน เป็นส่วนหนึ่งของภาคอีสานหรือภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ในสมัยพระเจ้ากรุงธนบุรีไทยได้ขยายอาณาเขตไปครอบคลุมอาณาบริเวณเมืองจำปาศักดิ์ และเมืองขั้นทั้งสองฝั่งขาวแม่น้ำโขงในปี พ.ศ.2319 อันได้แก่ จำปาศักดิ์ (ลาวตอนใต้) อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ ร้อยเอ็ด ยโสธร มหาสารคาม กาฬสินธุ์ ในปัจจุบัน วิทยานิพนธ์เรื่องนี้ได้กำหนดเรียกอาณาบริเวณที่กว้างขวางดังกล่าวว่า “เขตพื้นเมืองอีสาน" อาณาบริเวณนี้ มีพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ ที่สืบเนื่องสัมพันธ์กับไทยและลาวมาโดยตลอด ตั้งแต่สมัยอยุธยาจนกระทั่งไทย เสียดินแดนบางส่วน “เขตพื้นเมืองอีสาน ส่วนที่เหลือฝั่งขาวแม่น้ำโขงได้รับการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเรื่อยมาจนมีฐานะเป็นมณฑลหนึ่งมีระเบียบการปกครองเป็นแบบเดียวกับมณฑลชั้นในอื่นๆ เนื่องจากรัฐบาลไทยให้อิสระในการปกครองตนเองแก่บริเวณดังกล่าวมาโดยตลอด บริเวณนี้จึงมีความผูกพัน กับรัฐบาลเพียงการส่งส่วย เกณฑ์แรงงาน และกำลังพลครั้นเมือฝรั่งเศสขยายอิทธิพลเข้าครอบครองดินแดงเขมรและญวนรัฐบาลจึงต้องเข้าไปจัดการปรับปรุงการปกครองบริเวณนี้ให้รัดกุมและเข้มงวดขึ้น ทำให้สภาพสังคมความเป็นอยู่และการควบคุมปกครองของผู้คนใน “เขตพื้นเมืองอีสาน" เปลี่ยนแปลงไปหลายอย่าง เช่น ขนบธรรมเนียมประเพณีการปกครอง การเก็บผลประโยชน์ต่าง ๆ และการศาลเป็นต้น แต่ลักษณะการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ส่วนใหญ่เป็นการเปลี่ยนเพื่อตอบสนองนโยบายของรัฐบาลมากกว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเขตนี้กับรัฐบาลจึงคงอยู่ในฐานะที่มีภาระหน้าที่ต่อกับเท่านั้น ส่วนขนบธรรมเนียมประเพณีส่วนใหญ่ ก็คงเป็นไปแบบเดิมแม้จะถูกผสมกลมกลืนไปมากแล้วก็ตาม
Creative Commons License

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
สิถิรบุตร, อุราลักษณ์, "มณฑลอีสานและความสำคัญในทางประวัติศาสตร์" (1983). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 50775.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/50775