Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
ที่ดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน
Year (A.D.)
1983
Document Type
Thesis
First Advisor
วานิช ชุติวงศ์
Faculty/College
Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)
Degree Name
นิติศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
นิติศาสตร์
DOI
10.58837/CHULA.THE.1983.323
Abstract
ตามสถิติที่สำรวจได้ทั่วราชอาณาจักรในครั้งสุดท้ายของกรมที่ดินเมื่อ พ.ศ. 2519 ประเทศไทยมีที่ดินสำหรับพลเมืองใช่ร่วมกัน หรือที่เรียกว่าที่สาธารณประโยชน์ เช่น ส่วนสาธารณะ แม่น้ำ ลำคลอง ทุ่งหญ้า เลี้ยงสัตว์สาธารณะ ประมาณ 34,500 แปลง เนื้อที่ประมาณ 17 ลาน 6 แสนไร่ ที่ดินสาธารณประโยชน์เหล่านี้ถูกราษฎรบุกรุกครอบครองทำประโยชน์อ้างสิทธิแสดงความเป็นเจ้าของประมาณ 105,000 ราย รวมเป็นเนื้อที่ประมาณ 3 ล้าน 2 แสนไร่ เมื่อเห็นสถิติดังกล่าว จะเห็นได้ว่าปัญหาเกี่ยวกับที่ดินสำหรับพลเมืองใช้รวมกันที่สำคัญที่สุดในเวลานี้ คือปัญหาเรื่องราษฎรบุกรุกเข้าครอบครองเป็นเจ้าของในที่ดินดังกล่าว สาเหตุสำคัญที่ทำให้ราษฎรบุกรุกที่ดินสำหรับพลเมืองใช้รวมกันก็คือ 1. ที่ดินที่จำนวนจำกัด แต่ประชาชนมีจำนวนเพิ่มขึ้น เมื่อไม่มีที่ดินทำกิน ประชานจึงหันมายึดถือครองที่ดินของรัฐเพิ่มขึ้น การบุกรุกที่ดินของรัฐก่อให้เกิดผลเสียหายต่อแผนการใช้ที่ดินของรัฐเป็นอย่างมาก 2. ทางราชการขาดกำลังเจ้าหน้าที่ เนื่องจากที่ดินสำหรับพลเมืองใช้รวมกันมีอยู่กระจัดกระจายทั่วในทุกท้องที่ การดูแลให้ทั่วถึงในที่สาธารณะประโยชน์ทุกแปลง จำเป็นต้องใช้เจ้าหน้าที่จำนวนมาก บางครั้งเจ้าหน้าที่ที่มีอยู่ยังขาดความรับผิดชอบ ไม่ดูแลรักษาที่ดินดังกล่าวให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ กล่าวคือไม่รีบดำเนินการให้ราษฎรผู้บุกรุกออกไปจากที่ดินในระยะแรกที่มีการบุกรุก เป็นเหตุให้ผู้บุกรุกเกิดการหวงแหนในที่ดินที่ครอบครอง เป็นการยากแก่การให้ผู้บุกรุกออกจากที่ดินในภายหลังได้ 3. ที่สาธารณประโยชน์ส่วนใหญ่ขาดขอบเขตและหลักฐานที่แน่นอน เพราะการจัดทำทะเบียนที่สาธารณประโยชน์ เจ้าหน้าที่มิได้ให้ความสนใจที่จะจัดทำให้ถูกต้องตรงกับสภาพที่แท้จริง เช่นใช้วิธีกะประมาณ หรือคัดลอกไม่ตรงกับทะเบียนเล่มเดิม หรือที่สาธารณประโยชน์บางแปลงกำหนดขอบเขตโดยอาศัยหลักฐานทางธรรมชาติ เช่น แม่น้ำ ต้นไม้ ซึ่งหลักฐานเหล่านี้อาจเปลี่ยนแปลงได้ตามวันและเวลา จึงมีที่สาธารณะประโยชน์จำนวนไม่น้อยที่เจ้าหน้าที่ไม่อาจพิสูจน์หรือยืนยันแนวเขตเมื่อมีการนำคดีขึ้นสู่ศาลได้ เป็นเหตุให้ทางราชการต้องแพ้คดี เมื่อที่ดินสำหรับพลเมืองใช้รวมกันถูกราษฎรบุกรุกจำนวนมาก ๆ ก็เป็นเหตุให้ที่ดินดังกล่าวที่มีอยู่มีจำนวนน้อยลง ไม่เพียงพอแก่การที่ประชาชนจะเข้าใช้ประโยชน์ได้ รัฐจะมีมาตรการแก้ไขปัญหานี้อย่างไร และเมื่อมีการปล่อยปละละเลยให้ราษฎรเข้าครอบครองที่ดินของรัฐมากขึ้น การขับไล่ก็ไม่อาจดำเนินการได้ผล ในบางครั้งรัฐก็จำต้องยอมรับให้ผู้บุกรุกมีสิทธิในที่ดิน หรือเข้าอยู่อาศัยทำกินในที่ดินที่บุกรุกได้ วิธีการดังกล่าวเป็นวิธีการแก้ไขที่ดีแล้วหรือ การที่รัฐยินยอมให้ราษฎรผู้บุกรุกเข้าอยู่อาศัยในที่ดินที่บุกรุก อาจก่อให้เกิดปัญหาการบุกรุกที่ไม่สิ้นสุดได้ เพราะฉะนั้น ถึงเวลาแล้วที่รัฐควรมีมาตรการที่จะให้ราษฎรมีที่ดินทำกินโดยไม่เข้าไปบุกรุกที่ดินของรัฐ ควบคู่ไปกับวีการดำเนินการตามกฎหมายในเรื่องให้ราษฎรผู้บุกรุกออกไปจากที่ดินที่บุกรุกโดยเร็วที่สุด รวมทั้งมีการจัดทำทะเบียนที่สาธารณประโยชน์ให้ทันสมัยและตรงต่อความเป็นจริง เร่งรัดการออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงให้ทั่วทั้งประเทศ เพื่อใช้เป็นหลักฐานพิสูจน์ความเป็นที่ดินสำหรับพลเมืองใช้รวมกันที่ดีที่สุดในเวลานี้ที่รัฐยังใช้อยู่ ซึ่งในการจัดทำวิทยานิพนธ์เรื่องนี้ ผู้เขียนได้เสนอแนะวิธีการแก้ไขปัญหาดังกล่าวไว้แล้ว
Creative Commons License

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
อุโฆสิตกุล, อรทัย, "ที่ดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน" (1983). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 50653.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/50653