Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
แนวทางการพัฒนาพื้นที่ที่ผ่านการทำเหมืองแลัว : ศึกษากรณีอำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
Development guidelines for abandoned mine land : case study Amphoe Takua pa Changwat phangnga
Year (A.D.)
1983
Document Type
Thesis
First Advisor
ทิวา ศุภจรรยา
Second Advisor
ศิริวรรณ ศิลาพัชรนันท์
Faculty/College
Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)
Degree Name
การวางแผนภาคและเมืองมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
การวางผังเมือง
DOI
10.58837/CHULA.THE.1983.22
Abstract
นับตั้งแต่การปฏิวัติอุตสาหกรรมในศตวรรษที่ 18 เป็นต้นมา เทคโนโลยีและวิทยาการต่าง ๆ ได้ก้าวขึ้นตามลำดับ เป็นผลให้อุตสาหกรรมต่าง ๆ ได้ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ประเทศที่มีทรัพยากรแร่ธาตุ จึงมีโอกาสนำทรัพยากรมาใช้ให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจ สำหรับประเทศไทยมีการทำเหมืองแร่กันมากในภาคใต้ โดยเฉพาะในอำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา มีการทำเหมืองแร่ดีบุกมากที่สุด ซึ่งในกระบวนการทำเหมืองแร่ จำเป็นต้องมีการตัดไม้ทำลายป่า เพื่อเปิดพื้นที่ทำเหมือง และต้องใช้พลังน้ำฉีดพังดิน สูบเอาดิน หิน และแร่ที่ปะปนกันขึ้นสู่รางกู้แร่ เพื่อแยกแร่ออกจากดินและหิน บริเวณที่ผ่านการทำเหมืองแร่แล้วมีสภาพเป็นที่ลุ่ม ๆ ดอน ๆ มีลักษณะสำคัญ 2 ส่วนคือ ส่วนที่ 1 มูลดินทราย (Tailings) ส่วนใหญ่จะมีลักษณะเป็นดินทราย หิน กรวด บางแห่งจะเป็นเนินทรายสูง ๆ ส่วนที่ 2 คือ ขุมเหมือง (Mining Ponds) เป็นแอ่งที่เกิดจากการทำเหมือง มีขนาดต่างๆ กระจายตัวอยู่ทั่วไปในบริเวณพื้นที่ที่ผ่านการทำเหมืองแล้ว อีกทั้งจากกระบวนการทำเหมือง ทำให้ดินถูกทำลายโครงสร้าง และขาดความอุดมสมบูรณ์ เนื่องจากหน้าดินจะถูกทำลายในระหว่างการทำเหมือง ดังนั้นบริเวณพื้นที่ทีผ่านการทำเหมืองแล้ว ส่วนใหญ่จะถูกปล่อยรกร้างไปโดยไม่ได้มีการพัฒนาให้เป็นประโยชน์ ขณะเดียวกันจากปัญหาการเพิ่มของประชากร ทำให้เกิดปัญหาการว่างงาน และความต้องการที่ดินทำกินสูงขึ้น เป็นผลทำให้มีการตัดไม้ทำลายป่า เพื่อทำไร่เลื่อนลอย มีการบุกรุกจับจองที่ดินอย่างผิดกฎหมาย การใช้ที่ดินอย่างไม่ถูกต้องนี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ทั้งด้านสภาพแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคม เพื่อที่จะบรรเทาปัญหาดังกล่าว พื้นที่ที่ผ่านการทำเหมืองแล้ว ซึ่งปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้นำมาใช้ประโยชน์คิดเป็นพื้นที่กว้างขวาง จึงควรจะได้รับการปรับปรุง ฟื้นฟู หรือ พัฒนา เพื่อสนองวัตถุประสงค์ในการใช้ที่ดินด้านต่าง ๆ ให้เกิดประโยชน์ ทั้งทางด้านสภาพแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคมของชุมชนต่อไป การศึกษาเรื่องนี้ ผู้วิจัยได้ใช้วิธีการสำรวจภาคสนาม แผนที่ และภาพถ่ายทางอากาศ เพื่อศึกษาลักษณะทางกายภาพของพื้นที่ที่ผ่านการทำเหมืองแล้วในอำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา และได้ศึกษาแนวความคิดในการพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ มาประกอบการพิจารณาวางแผนการใช้ที่ดินที่ผ่านการทำเหมืองแล้ว จากการศึกษาพบว่า พื้นที่ที่ผ่านการทำเหมืองแล้ว ในอำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงาน ปี 2524 มีเนื้อที่ประมาณ 41,486 ไร่ ขุมเหมืองมีประมาณ 124 แห่ง การศึกษาแนวทางพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวได้แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ แนวทางการพัฒนาพื้นที่ส่วนที่ 1 (tailings) ได้เสนอแนวทางการพัฒนาแตกต่างกันตามลักษณะพื้นที่ดังนี้ 1. พื้นที่ปลูกสร้างสวนป่า ในบริเวณเขตวิกฤตทางสิ่งแวดล้อม คือ บริเวณป่าชายเลน และบริเวณพื้นที่ภูเขา ซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร บริเวณดังกล่าวควรมีการอนุรักษ์ไว้ให้คงสภาพความเป็นธรรมชาติให้มากที่สุด 2. พื้นที่ที่เหมาะสมในการพัฒนาด้านเกษตรกรรม ในบริเวณที่ราบตะกอนลำน้ำ ซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์กว่าบริเวณอื่น ๆ 3. พื้นที่ที่เหมาะสมในการพัฒนาเป็นทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ ในบริเวณที่ดอนซึ่งไม่มีปัญหาอุทกภัย 4. พื้นที่ที่เหมาะสมแก่การขยายชุมชน ในบริเวณต่อเนื่องกับเขตเทศบาลเมืองตะกั่วป่า ซึ่งมีโครงสร้างพื้นฐานในเมือง และสามารถขยายเขตการบริการมายังบริเวณดังกล่าวได้ สำหรับแนวทางการพัฒนาชุมเหมืองมีดังนี้ 1. การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด ในบริเวณขุมเหมืองที่ไม่ได้รับอิทธิพลจากน้ำทะเล 2. การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำกร่อย ในบริเวณขุมเหมืองที่ได้รับอิทธิพลจากน้ำทะเล 3. การปรับปรุงขุมเหมืองในบริเวณพื้นที่ขยายชุมชน เป็นแหล่งน้ำเพื่อใช้ในการดับเพลิงและประปา ซึ่งต้องมีการศึกษาคุณภาพของน้ำอย่างละเอียด นอกจากนี้ขุมเหมืองในบริเวณที่พัฒนาเป็นพื้นที่เกษตรกรรม สามารถใช้ประโยชน์น้ำในขุมเหมืองเหล่านั้นได้ แนวทางฟื้นฟู ปรับปรุง หรือพัฒนาพื้นที่ที่ผ่านการทำเหมืองแล้วดังกล่าวข้างต้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับความช่วยเหลือ และการประสานงานที่ดีจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น กรม ทรัพยากรธรณี กรมพัฒนาที่ดิน กรมป่าได้ กรมประมง และหน่วยงานในระดับท้องถิ่น คือ เทศบาล และอำเภอ ในด้านงบประมาณการพัฒนา มีความเป็นไปได้จากการที่รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณจำนวนหนึ่งเรียกว่า “เงินบำรุงพิเศษ" ซึ่งเรียกเก็บจากเจ้าของประทานบัตรทำเหมืองแร่คิดเป็นร้อยละ 5 ของค่าภาคหลวงแร่ โดยกรมทรัพยกรธรณีจะทำหน้าที่จัดเก็บและจัดสรรงบประมาณดังกล่าวให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาพื้นที่ที่ผ่านการทำเหมืองแล้ว นำไปดำเนินงานต่อไป
Creative Commons License

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
อุ่นสกุล, อรไท, "แนวทางการพัฒนาพื้นที่ที่ผ่านการทำเหมืองแลัว : ศึกษากรณีอำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา" (1983). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 50604.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/50604