Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

รัฐและอุดมการในยุคจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ (2500-2506)

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

State and ideology in the field Marshal Sarit Regime (1957-1963)

Year (A.D.)

1983

Document Type

Thesis

First Advisor

ฉัตรทิพย์ นาถสุภา

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

รัฐศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

การปกครอง

DOI

10.58837/CHULA.THE.1983.414

Abstract

ชนชั้นศักดินาซึ่งเป็นชนชั้นครอบงำเหนือโครงสร้างเศรษฐกิจ-สังคมไทย ภายใต้ วิถีการผลิตแบบศักดินา สามารถกุมอำนาจรัฐได้อย่างเด็ดขาดตลอดมานับแต่มีการก่อตัวทางชนชั้นและการสถาปนารัฐขึ้นจากชุมชนบุพกาล โดยการอ้างความเป็นเจ้าของที่ดินทั่วประเทศมาขูดรีดแรงงานและผลผลิตส่วนเกินจากชนชั้นไพร่-ทาส โดยอาศัยอุดมการณ์ที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้เกิดความยอมรับและยอมจำนนเป็นเครื่องสนับสนุน ประกอบกับการที่ชุมชนหมู่บ้านซึ่งเป็นหน่วยผลิตสำคัญของสังคมศักดินาไทย สามารถดำรงตนอยู่ได้ด้วยการผลิตแบบพอยังชีพ ทำให้ไม่เกิดการแบ่งงานกันทำระหว่างชุมชนหมู่บ้าน ผลก็คือการค้าไม่อาจพัฒนาขึ้นได้ และการค้ากับต่างประเทศก็ถูกผูกขาดไว้กับชนชั้นศักดินา ดังนั้นการก่อตัวของชนชั้นกฎุมพีในสังคมศักดินาไทยจึงถูกจำกัดอย่างมาก เป็นเหตุให้ชนชั้นศักดินาสามารถกุมอำนาจรัฐได้อย่างเด็ดขาดโดยปราศจากการท้าทายจากชนชั้นอื่นๆ ในสังคมอย่างมีผล แม้จะมีการช่วงชิงราชบัลลังก์ให้เห็นอยู่ไม่น้อยในประวัติศาสตร์ไทย แต่ทว่าการช่วงชิงอำนาจรัฐดังกล่าวถูกจำกัดไว้เฉพาะในหมู่ชนชั้นศักดินาเท่านั้น จึงไม่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในความสัมพันธ์ทางการผลิตแบบศักดินา กระทั่งการแทรกตัวของจักรวรรดินิยมตะวันตกในช่วงปลายของรัตนโกสินทร์ตอนต้นอำนาจรัฐของชนชั้นศักดินาจึงเริ่มสั่นคลอน จักรวรรดินิยมซึ่งมีอำนาจทั้งทางทหารและเศรษฐกิจที่เข้มแข็งเป็นฐานรองรับ สามารถใช้อิทธิพลข่มขู่จนเป็นผลให้ชนชั้นปกครองไทยจำต้องดัดแปลงกลไกรัฐบางส่วนให้เกิดประโยชน์ต่อจักรวรรดินิยม พร้อมกับการเข้ามาของจักรวรรดินิยมความคิดแบบเสรีนิยมก็ได้ก่อตัวขึ้นและเริ่มปฏิเสธและท้าทายอุดมการศักดินาดั้งเดิม แม้จะมีการปรับโครงสร้างอำนาจครั้งใหญ่ของชนชั้นปกครองศักดินา แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งการเปลี่ยนแปลงได้ ในที่สุดชนชั้นศักดินาก็ได้ถูกถอนออกจากอำนาจรัฐเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2475 แต่คณะราษฏรซึ่งเข้ายึดอำนาจรัฐไว้ได้นั้น สมาชิกส่วนใหญ่เป็นคนในระบบราชการ ไร้ฐานะทางชนชั้นเศรษฐกิจที่แน่นอน คณะราษฎรต่อต้านทั้งศักดินา กฎุมพีไทยเชื้อสายจีน และจักรวรรดินิยมโดยอาศัยระบบราชการเป็นฐานอำนาจ ขณะเดียวกันก็พยายามสร้างฐานทาเศรษฐกิจของตนเองโดยการสถาปนาระบบทุนนิยมโดยรัฐขึ้น รัฐประหารปี 2490 เป็นการยุติบทบาทของคณะราษฎรลง กลุ่มนายทหารบกสามารถเข้ากุมอำนาจรัฐไว้ได้ โดยมีจอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นผู้นำ แม้คณะผู้ปกครองชุดนี้จะยังคงรักษาระบบทุนนิยมโดยรัฐไว้แต่ก็ได้เกิดปรากฏการณ์ใหม่ขึ้นสองประการสำคัญคือ กลุ่มทหารซึ่งกุมกลไกรัฐส่วนสำคัญบางส่วนไว้ได้หันไปดำเนินธุรกิจอย่างจริงจังและสถาปนาตนเองขึ้นเป็น “นายทุน-ขุนศึก" ขณะเดียวกันอเมริกาก็ได้พยายามที่จะเข้ามาผลักดันให้ไทยปรับโครงสร้างของสังคมให้เป็นทุนนิยม กระทั่งปี 2500 กลุ่มนายทุน—ขุนศึก ภายใต้การนำของจอมพลสกฤษดิ์ ธนะรัชต์ สามารถทำรัฐประหารโค่นอำนาจรัฐของจอมพล ป. พิบูลสงคราม และกลุ่มนายทุน-ขุนศึกซอยราชครูลงได้ หลังจากนั้นหนึ่งปีก็ได้มีการสมคบกับสหรัฐอเมริการสถาปนาอำนาจรัฐเผด็จการขึ้น ปรับกลไกรัฐให้รองรับการแสวงหาผลประโยชน์ของกลุ่ม “นายทุน-ขุนศึก" และวางรากฐานให้กับการลงทุนของนักลงทุนไทยและต่างชาติในระยะยาว อุดมการที่ถูกสร้างขึ้นในยุคนี้มีเป้าหมายเพียงให้ยอมรับอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดของรัฐภายใต้การนำของจอมพลสฤษด์ ธนะรัชต์ แม้จอมพลสฤษดิ์ จะถึงอสัญกรรมในปี 2506 แต่อำนาจรัฐยังคงตกอยู่กับ “นายทุน-ขุนศึก" กลุ่ม “ถนอม-ประภาส" อีก เป็นเวลานานถึง 10 ปี กระทั่งเกิดเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 จึงสามารถถอดถอน “นายทุน-ขุนศึก" ออกจากการกุมอำนาจรัฐอย่างเด็ดขาดได้ และเป็นช่วงที่นายทุนสามารถเข้าสู่อำนาจรัฐได้อย่างจริงจังเป็นครั้งแรก โดยอาศัยระบบรัฐสภา

Share

COinS