Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
การศึกษาเปรียบเทียบต้นทุนการผลิตไหมลูกผสมพันธุ์จีน-ญี่ปุ่นและไหมลูกครึ่ง
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
A comparative study on cost of silk production between Chinese-Japanese hybrid and Thai-hybrid
Year (A.D.)
1983
Document Type
Thesis
First Advisor
โชติ สูวิปกิจ
Second Advisor
วรกัลยา วัฒนสินธุ์
Faculty/College
Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)
Degree Name
บัญชีมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
การบัญชี
DOI
10.58837/CHULA.THE.1983.352
Abstract
วิทยานิพนธ์นี้เป็นการศึกษาต้นทุนการผลิตและผลตอบแทนจากการเลี้ยงไหมลูกผสมพันธุ์จีน-ญี่ปุ่นและไหมลูกครึ่ง (ไหมลูกครึ่ง คือ ไหมลูกผสมระหว่างไหมพันธุ์ไทยและไหมลูกผสมพันธุ์จีน-ญี่ปุ่น) พร้อมทั้งเปรียบเทียบต้อนทุนการผลิตและผลตอบแทนจากการเลี้ยงไหมทั้ง 2 พันธุ์ เพื่อให้ทราบว่าไหมพันธุ์ใดมีต้นทุนการผลิตต่ำกว่าและให้ผลตอบแทนสูงกว่า ในการศึกษาต้นทุนการผลิตและการวิเคราะห์อัตราผลตอบแทนจากการเลี้ยงไหมทั้ง 2 พันธุ์ ได้แยกตามฤดูการเลี้ยงไหม คือ ฤดูฝนและฤดูหนาว และตามขนาดการเลี้ยงไหม ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ขนาด คือ ปริมาณไข่ไหมน้อยกว่า 2 แผ่น ปริมาณไข่ไหม 2-3 แผ่น และปริมาณไข่ไหมมากกว่า 3 แผ่น (ไข่ไหม 1 แผ่น คือ ไข่ไหมจากการวางไข่ของแม่ผีเสื้อ 50 แม่) ขนาดการเลี้ยง 2-3 แผ่น เป็นขนาดที่เกษตรกรนิยมเลี้ยงกัน จึงศึกษารายละเอียดเฉพาะการเลี้ยงขนาดนี้เท่านั้น การศึกษาแยกเป็น 2 กรณี คือ กรณีที่เกษตรกรขายผลผลิตรังไหม และกรณีที่เกษตรกรขายผลผลิตเส้นไหม ข้อมูลที่ใช้ในการศึกษาเป็นข้อมูลเบื้องต้นที่ได้จากการสำรวจข้อมูลการเลี้ยงไหมปี 2525 โดยการออกแบบสอบถามเกษตรกรผู้เลี้ยงไหมลูกผสมพันธุ์จีน-ญี่ปุ่นในอำเภอหนองกี่ จังหวัดบุรีรัมย์ และเกษตรกรผู้เลี้ยงไหมลูกครึ่งในอำเภอละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์ สำหรับการหาผลตอบแทนจากการเลี้ยงไหมเป็นการวิเคราะห์โดยใช้อัตราผลตอบแทนจากค่าขาย ผลที่ได้จากการศึกษาเปรียบเทียบต้นทุนการผลิตและอัตราผลตอบแทนจากค่าขาย ปรากฏว่า ในกรณีที่เกษตรกรขายผลผลิตรังไหม การเลี้ยงไหมรุ่นฤดูฝน เกษตรกรมีต้นทุนการผลิตรังไหมจากการเลี้ยงไหมลูกครึ่งต่ำกว่าไหมลูกผสมพันธุ์จีน-ญี่ปุ่นกิโลกรัมละ 15.09 บาท แต่อัตราผลตอบแทนจากค่าขายรังไหมของการเลี้ยงไหมลูกผสมพันธุ์จีน-ญี่ปุ่นสูงกว่าไหมลูกครึ่งร้อยละ 10.62 การเลี้ยงไหมรุ่นฤดูหนาว เกษตรกรมีต้นทุนการผลิตรังไหมจากการเลี้ยงไหมลูกครึ่งต่ำกว่าไหมลูกผสมพันธุ์จีน-ญี่ปุ่นกิโลกรัมละ 24.95 บาท และอัตราผลตอบแทนจากค่าขายรังไหมของการเลี้ยงไหมลูกครึ่งสูงกว่าไหมลูกผสมพันธุ์จีน-ญี่ปุ่น ร้อยละ 6.44 แต่รังไหมที่ได้จากการเลี้ยงไหมลูกครึ่งนำไปสาวด้วยเครื่องจักรไม่ได้ ทำให้มีตลาดรับซื้อรังไหมจากการเลี้ยงไหมลูกครึ่งน้อยมาก ดังนั้น หากเกษตรกรต้องการเลี้ยงไหมเพื่อขายผลผลิตรังไหม ควรเลี้ยงไหมลูกผสมพันธุ์จีน-ญี่ปุ่นทั้งรุ่นฤดูฝนและรุ่นฤดูหนาว ในกรณีที่เกษตรกรขายผลผลิตเส้นไหม การเลี้ยงไหมทั้งรุ่นฤดูฝนและรุ่นฤดูหนาว เกษตรกรมีต้นทุนการผลิตเส้นไหมหนึ่งจากการเลี้ยงไหมลูกผสมพันธุ์จีน-ญี่ปุ่นต่ำกว่าไหมลูกครึ่ง กิโลกรัมละ 161.58 และ 30.32 บาทตามลำดับ และอัตราผลตอบแทนจากค่าขายเส้นไหมของการเลี้ยงไหมลูกผสมพันธุ์จีน-ญี่ปุ่นสูงกว่าไหมลูกครึ่งร้อยละ 32.32 และ 6.04 ตามลำดับ ดังนั้นหากเกษตรกรต้องการเลี้ยงไหมเพื่อขายผลผลิตเส้นไหม ควรเลี้ยงไหมลูกผสมพันธุ์จีน-ญี่ปุ่น นอกจากนี้ได้เปรียบเทียบอัตราผลตอบแทนจากค่ายรังไหมและเส้นไหม พบว่าอัตราผลตอบแทนจากค่าขายรังไหมสูงกว่าอัตราผลตอบแทนจากค่าขายเส้นไหม สำหรับการเลี้ยงไหมแต่ละพันธุ์ทั้งรุ่นฤดูฝนและรุ่นฤดูหนาว สรุปได้ว่า เกษตรกรควรเลี้ยงไหมลูกผสมพันธุ์จีน-ญี่ปุ่น เพื่อขายผลผลิตรังไหมทั้งรุ่นฤดูฝนและรุ่นฤดูหนาว ปัญหาที่เกษตรกรผู้เลี้ยงไหมประสบอยู่คือ ขาดความรู้เกี่ยวกับการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมที่ถูกวิธี การป้องกันและกำจัดโรคและศัตรูของไหม การที่มีผลผลิตใบหม่อนต่ำและการใช้แรงงานอย่างไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้ต้นทุนใบหม่อนและค่าแรงในการเลี้ยงไหมสูง ตลอดจนปัญหาในด้านแหล่งรับซื้อผลผลิตรังไหมและเส้นไหมมีน้อย ข้อเสนอแนะบางประการเพื่อใช้เป็นแนวทางในการแก้ปัญหา ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการกำหนดและวางแผนการส่งเสริมการเลี้ยงไหมเพื่อเป็นการเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรมากยิ่งขึ้น คือ หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมการเลี้ยงไหม ควรจัดให้มีการฝึกอบรมเกี่ยวกับการดูแลรักษาสวนหม่อนและการเลี้ยงไหมที่ถูกวิธี ตลอดจนวิธีป้องกันและกำจัดโรคและศัตรูของไหมให้มากขึ้น นอกจากนี้ควรให้คำแนะนำแก่เกษตรกรในการวางแผนการเลี้ยงไหมเกี่ยวกับปริมาณไข่ไหมที่จะเลี้ยง จำนวนใบหม่อนที่ต้องใช้ และจำนวนแรงงานที่พอเหมาะกับปริมาณงานในการเลี้ยงไหม พร้อมทั้งขยายจำนวนแหล่งรับซื้อผลผลิตให้มากขึ้นและควรกำหนดราคาขั้นต่ำในการรับซื้อผลผลิตโดยพิจารณาถึงต้นทุนการเลี้ยงไหมของเกษตรกรด้วย
Creative Commons License

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
วิเศษบริสุทธิ์, นิยะดา, "การศึกษาเปรียบเทียบต้นทุนการผลิตไหมลูกผสมพันธุ์จีน-ญี่ปุ่นและไหมลูกครึ่ง" (1983). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 50557.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/50557
ISBN
9745627437