Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)

การศึกษาสถานภาพของครูและศิษย์ในคัมภีร์ธรรมศาสตร์

Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)

A study of the teacher and student's status in Dharmasastra

Year (A.D.)

1985

Document Type

Thesis

First Advisor

ศักดิ์ศรี แย้มนัดดา

Faculty/College

Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)

Degree Name

อักษรศาสตรมหาบัณฑิต

Degree Level

ปริญญาโท

Degree Discipline

ภาษาตะวันออก

DOI

10.58837/CHULA.THE.1985.717

Abstract

ทัศนะเรื่องครูและศิษย์ที่ปรากฏในคัมภีร์ต่างๆ ของอินเดียนั้นมีมาตั้งแต่สมัยพระเวทแล้ว แต่ปรากฏในลักษณะที่กระจัดกระจายกันอยู่ คัมภีร์ธรรมศาสตร์ต่างๆ อันถือว่าเป็นบันทึกที่สำคัญที่สุดของสังคมอินเดียโบราณในยุคที่พราหมณ์มีอำนาจสูงสุด ส่วนหนึ่งได้บันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับพราหมณ์ในด้านความเป็นครูและความสัมพันธ์ที่มีต่อศิษย์ไว้เป็นอันมาก และพราหมณ์เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการสร้างสรรค์และดำรงไว้ซึ่งวัฒนธรรมของอินเดีย และมีความสัมพันธ์กับวัฒนธรรมของไทยมาแต่สมัยโบราณในฐานะผู้ประกอบพระราชพิธีต่างๆ แต่ว่าหน้าที่อันแท้จริงของพราหมณ์คือการเป็นครู ซึ่งยังไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลายในเมืองไทยเหมือนหน้าที่ในการประกอบพระราชพิธีต่างๆ คัมภีร์ธรรมศาสตร์เป็นหลักฐานสำคัญที่น่าสนใจ ควรแก่การศึกษาวิเคราะห์วิจัยในส่วนที่เกี่ยวกับครูและศิษย์ให้แจ่มแจ้ง ผู้วิจัยจึงได้รวบรวมข้อมูลจากคัมภีร์ธรรมศาสตร์ฉบับต่างๆ ที่เป็นภาษาสันสกฤตและเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องแล้วศึกษาวิจัยจนได้ผลอันเด่นชัดว่า ครูมีความจำเป็นต่อระบบการศึกษาของอินเดียโบราณ ความสำคัญของครูอยู่ที่ความรับผิดชอบต่อหน้าที่ คือการถ่ายทอดความรู้ให้แก่ศิษย์ ตามหลักฐานที่ปรากฏในคัมภีร์ธรรมศาสตร์ ครูต้องเป็นพราหมณ์เท่านั้น ครูที่เป็นกษัตริย์หรือไวศยะก็มีบ้าง แต่น้อยและไม่เป็นที่นิยม เนื่องจากครูเป็นผู้ที่อยู่ในวรรณะสูง ครูจึงเป็นผู้ที่สังคมให้เกียรติอย่างสูง เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่า ผู้ใดจะดูหมิ่นเหยียดหยามครูไม่ได้ ทุกคนต้องให้ความเคารพครู ชีวิตครูขึ้นกับบุคคลอื่น จึงไม่มีหลักเกณฑ์ที่แน่นอนเกี่ยวกับรายได้ของครู รายได้ที่เป็นวัตถุสิ่งของอาจจะไม่มีมากนัก แต่ผลที่ได้ทางด้านจิตใจนั้น ครูได้รับความเคารพนับถือเหมือนเทพเจ้า ความสัมพันธ์ของครูกับศิษย์เป็นความสัมพันธ์อันใกล้ชิดเหมือนบิดากับบุตร ศิษย์ต้องอาศัยในบ้านของครู ครูจะสอนวิชาความรู้ให้เมื่อมีความพอใจและมีเวลาว่าง ครูจะไม่สอนแก่บุคคลที่ไม่คุ้นเคย ดังนั้นจึงมีหลักปฏิบัติมากมายสำหรับศิษย์ เพื่อทำให้ครูถ่ายทอดความรู้ให้ด้วยความเต็มใจ ครูเองก็ปฏิบัติต่อศิษย์เหมือนศิษย์เป็นบุคคลในครอบครัวของตน เมื่อศิษย์มีความผิดก็ตำหนิลงโทษตามความเหมาะสม ศิษย์ผู้อยู่ในวัยเรียนได้รับเกียรติในสังคมอินเดียโบราณเป็นอย่างดี แต่ศิษย์ผู้เรียนสำเร็จและผ่านพิธีสนานเป็นสนาตกะแล้วจะได้รับเกียรติสูงกว่าศิษย์ผู้อยู่ในวัยเรียน ในด้านบทบาทการสั่งสอนวิชาความรู้แก่ศิษย์นั้นคล้ายคลึงกับระบบการเรียนการสอนของไทยสมัยโบราณ มีการหวงวิชาความรู้ไว้เพื่อถ่ายทอดแก่ศิษย์ผู้ใกล้ชิดโดยใช้วิธีถ่ายทอดแบบสอนปากเปล่า หลักปฏิบัติต่างๆ ของศิษย์ เช่น การหาน้ำ การนวดให้ครู ตลอดจนมารยาทในการนั่ง นอน ยืน และอื่นๆ ก็มีส่วนคล้ายคลึงกัน สำหรับส่วนที่แตกต่างกันคือคนในสังคมไทยมีโอกาสได้ศึกษาเล่าเรียนโดยไม่ถูกจำกัดด้วยวรรณะเหมือนระบบการศึกษาของอินเดียโบราณและครูที่ปรากฏหลักฐานในคัมภีร์ธรรมศาสตร์เป็นครูอาชีพ กำหนดว่าเป็นหน้าที่หลักของพราหมณ์แต่ครูของไทยสมัยโบราณไม่ปรากฏมีครูอาชีพ ผู้มีความรู้สามารถตั้งตัวเป็นครูได้ตามแต่สังคมจะยอมรับว่ามีความสามารถเพียงใดหรือไม่มากกว่า.

Share

COinS