Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
การศึกษาการให้ความปลอดภัยในโรงงานของอุตสาหกรรมพลาสติกในประเทศไทย
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
A study on the provision of plant safety in plastic industry in Thailand
Year (A.D.)
1985
Document Type
Thesis
First Advisor
นิพนธ์ ว่องชิงชัย
Second Advisor
พอพันธ์ วัชจิตพันธ์
Faculty/College
Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)
Degree Name
พาณิชยศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
พาณิชยศาสตร์
DOI
10.58837/CHULA.THE.1985.465
Abstract
วิทยานิพนธ์ฉบับนี้จัดทำขึ้นภายใต้ขอบเขตการศึกษาถึงการให้ความปลอดภัยในการทำงานภายในโรงงาน โดยจะมุ่งศึกษาเฉพาะอุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติกกึ่งสำเร็จรูปซึ่งได้เปิดกิจการมาแล้วเป็นเวลานานกว่า 1 ปี โดยศึกษาวิธีการให้ความปลอดภัยในการทำงาน ปัญหา และแนวทางในการแก้ปัญหา ตลอดจนศึกษาความคิดเห็น และความต้องการของนายจ้างและลูกจ้างในกิจการดังกล่าว การศึกษาจะใช้วิธีการรวบรวมข้อมูลจากเอกสารทางวิชาการต่าง ๆ การออกแบบสอบถาม ตลอดจนการสังเกตการณ์ ผลการศึกษาสรุปได้ว่า ผู้บริหารในทุกขนาดกิจการที่สำรวจมีความเอาใจใส่ต่องานความปลอดภัยเป็นอย่างดี เช่น จัดให้มีการตรวจสอบสภาวะแวดล้อมในการทำงานเครื่องจักร อุปกรณ์การผลิตและอุปกรณ์การขนย้ายอย่างสม่ำเสมอ จัดหาอุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคลให้แก่พนักงาน และการกระตุ้นจูงใจให้พนักงานเล็งเห็นความสำคัญของงานความปลอดภัย เป็นต้น ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มีผู้ประสบอันตรายจากการทำงานเฉลี่ยต่อปีเป็นจำนวนน้อยคือ 1-5 คน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วพบว่า อุบัติเหตุเกิดขึ้นเนื่องจากความประมาทของพนักงาน นอกจากนี้จากการวิจัยยังพบว่าโรงงานส่วนใหญ่ได้จัดให้มีหลักสูตรการฝึกอบรมทางด้านความปลอดภัยในการทำงานแก่พนักงาน เช่น หลักสูตรความปลอดภัยในการทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักร และการขนย้าย เป็นต้น สำหรับความคิดเห็นของนายจ้างนั้นพบว่า นายจ้างในกิจการขนาดใหญ่มีความเข้าใจในเรื่องความปลอดภัยในการทำงานถูกต้องกว่านายจ้างในกิจการขนาดกลาง และขนาดเล็ก เช่นความคิดเห็นในเรื่องอุปสรรคของสภาวะแวดล้อมที่ไม่ดีมีผลอย่างมากต่อการทำงานของลูกจ้าง เป็นต้น และนายจ้างทั้งสามขนาดกิจการมีความเห็นเหมือนกันในเรื่อง ความรับผิดชอบงานความปลอดภัยซึ่งถือเป็นหน้าที่ของนายจ้าง ลูกจ้าง และรัฐบาล ส่วนปัญหาของการให้ความปลอดภัยในการทำงานได้แก่ ตัวลูกจ้างซึ่งทำงานโดยประมาท ขาดความชำนาญในการใช้เครื่องจักร และไม่ยอมใช้อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคลที่จัดไว้ให้ ดังนั้น นายจ้างทุกรายจึงต้องการให้ลูกจ้างปฏิบัติตามกฎ ระเบียบของโรงงานโดยเคร่งครัดมีความระมัดระวังในการทำงาน และร่วมมือกันใช้อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคล ทางด้านลูกจ้างในทุกขนาดกิจการมีความเห็นตรงกันว่า ยังมีสภาวะแวดล้อมในการทำงานที่ไม่ดีอยู่ในสถานประกอบการของตน และสภาวะแวดล้อมดังกล่าวเป็นอุปสรรคอย่างมากต่อการทำงาน ทั้งยังเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุได้ด้วย ซึ่งผลเสียหายของอุบัติเหตุนั้นจะส่งผลกระทบต่อ นายจ้าง ลูกจ้าง และครอบครัวเท่านั้น ลูกจ้างส่วนใหญ่มีความต้องการ อันดับแรกคือ ให้นายจ้างจัดสภาวะแวดล้อมในการทำงานให้เหมาะสม เช่น ลดความดังของเสียง ป้องกันไม่ให้มีไอสารเคมี และก๊าซในบรรยากาศมากเกินไป เป็นต้น รองลงมาได้แก่ การจัดให้มีอุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคลในจำนวนที่เพียงพอแก่ความต้องการใช้ของลูกจ้าง จัดหลักสูตรอบรมความรู้ในการทำงานอย่างปลอดภัยเพิ่มขึ้น และกระจายข่าวสารเกี่ยวกับสาเหตุของ อุบัติเหตุ รวมทั้งวิธีการป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุดังกล่าวตามลำดับ จากการศึกษาในครั้งนี้ทำให้สามารถสรุปปัญหา และแนวทางในการแก้ไขได้ดังนี้คือ 1. แม้ว่าผู้บริหารในทุกขนาดกิจการจะให้ความเอาใจใส่ต่องานความปลอดภัยเป็นอย่างดี แต่เมื่อถึงภาวะที่จะต้องเร่งทำการผลิตให้ทันตามกำหนดแล้ว งานด้านความปลอดภัยนี้ก็จะลดความสำคัญลงไป โดยเฉพาะกิจการขนาดกลาง และขนาดเล็กซึ่งไม่ได้จัดให้มีหน่วยงานเพื่อรับผิดชอบงานความปลอดภัยขึ้นโดยเฉพาะจะประสบปัญหาในเรื่องนี้ ดังนั้นกิจการทั้ง 2 ขนาดควรจะจัดตั้งคณะกรรมการความปลอดภัยขึ้นเพื่อรับผิดชอบงานทางด้านนี้โดยตรง 2. วิทยากรผู้ฝึกอบรมความรู้ทางด้านความปลอดภัยในการทำงานส่วนใหญ่แล้ว ได้แก่ ผู้ควบคุมงาน หัวหน้างาน หรือพนักงานที่มีประสบการณ์ในการทำงาน วิทยากรเหล่านี้มีการถ่ายทอดความรู้ ตลอดจนวิธีการฝึกอบรมที่แตกต่างกันไปตามความสามารถ และความถนัดของแต่ละคน ทำให้ขอบเขตการฝึกอบรมกว้างเกินไป ดังนั้นจึงควรจัดให้มีการฝึกอบรมวิทยากรเหล่านั้นเสียก่อนเพื่อให้มีวิธีการฝึกอบรมที่เหมือนกัน มีวัตถุประสงค์ เนื้อหาวิชาที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน 3. ลูกจ้างมีนิสัย และพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ทุกโอกาส เช่น ใจร้อน ประมาท ไม่ยอมใช้อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคล ดังนั้นจึงควรมีการทดสอบคัดเลือกพนักงานที่มีบุคลิกลักษณะ และความรู้เหมาะสมกับงานที่ปฏิบัติ พร้อมทั้งชี้แจงให้พนักงานรู้ถึงประโยชน์ของอุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคล 4. ลูกจ้างบางส่วนยังขาดความรู้ความเข้าใจในงานความปลอดภัยที่ดีไม่มีความสำนึกเรื่องความปลอดภัย จึงควรจัดหลักสูตรฝึกอบรมในระดับคนงานให้มากขึ้น โดยให้คนงานทุกคนมีโอกาสเข้ารับการอบรมความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการทำงานที่ถูกต้องและปลอดภัย สาเหตุของอุบัติเหตุ ผลเสียหาย รู้ว่าอะไรควรทำ หรือควรหลีกเลี่ยง วิธีนี้จะช่วยให้พนักงานมีความเชื่อมั่นในการทำงานอย่างปลอดภัยและสำนึกในเรื่องความปลอดภัย ผู้เขียนเชื่อว่าหากนายจ้างให้การสนับสนุนงานความปลอดภัยอย่างจริงจังแล้ว ลูกจ้างก็จะตระหนักถึงความสำคัญของความปลอดภัย และจะพยายามแก้ไขการกระทำอันไม่ปลอดภัยของตนรวมทั้งปฏิบัติตามกฎ ข้อบังคับของโรงงานโดยเคร่งครัด แต่นายจ้างจะให้ความสนใจในเรื่องนี้มากน้อยเพียงใดนั้นย่อมขึ้นอยู่กับทัศนคติของนายจ้างแต่ละคน ตลอดจนการจูงใจ และการควบคุมจากฝ่ายรัฐบาล
Creative Commons License

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
นาคสวัสดิ์, จุฑารัตน์, "การศึกษาการให้ความปลอดภัยในโรงงานของอุตสาหกรรมพลาสติกในประเทศไทย" (1985). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 48589.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/48589