Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
การศึกษาเชิงวิเคราะห์บทบาทของปัญญาในพุทธปรัชญา
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
An analytical study of the role of wisdom in buddhist philosophy
Year (A.D.)
1985
Document Type
Thesis
First Advisor
สุนทร ณ รังษี
Faculty/College
Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)
Degree Name
อักษรศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
ปรัชญา
DOI
10.58837/CHULA.THE.1985.703
Abstract
จุดมุ่งหมายสูงสุดอันเป็นอุดมการณ์ของพุทธปรัชญาก็คือการเข้าถึงความหลุดพ้นจากทุกข์โดยสิ้นเชิง ซึ่งกล่าวอีกนัยหนึ่งได้แก่การบรรลุนิพพาน พุทธปรัชญาสอนว่าการที่บุคคลจะเข้าถึงความหลุดพ้นจากทุกข์โดยสิ้นเชิงได้จะต้องปฏิบัติตามหลักปฏิบัติ 3 ประการ คือ ศีล สมาธิ และปัญญา หรืออีกนัยหนึ่งก็คือปฏิบัติตามหลักอริยมรรคมีองค์แปด หลักปฏิบัติ 3 ประการนั้นแม้สนับสนุนซึ่งกันและกันอย่างที่จะขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไปไม่ได้ แต่บทบาทของปัญญานับว่าเด่นที่สุด เพราะเมื่อได้พัฒนาให้มีกำลังแก่กล้าจนถึงที่สุดแล้ว จะทำให้เกิดความรู้แจ้งในอริยสัจจธรรมพร้อมกับทำลายกิเลสอันเป็นเหตุแห่งทุกข์ให้หมดสิ้นไป การเข้าถึงความหลุดพ้นจากทุกข์โดยสิ้นเชิงอันเป็นจุดมุ่งหมายสูงสุด ดังกล่าวก็เป็นอันได้บรรลุถึง ด้วยเหตุผลดังกล่าวนี้ งานวิจัยนี้จึงได้เน้นการศึกษาวิเคราะห์เพื่อให้ได้ทราบแน่ชัดว่า ปัญญาตามแนวคำสอนของพุทธปรัชญาคืออะไร และมีบทบาทสำคัญอย่างไร จากการศึกษาเชิงวิเคราะห์บทบาทของปัญญาในพุทธปรัชญา ได้พบสาระที่สำคัญอันสรุปได้คือ 1. ปัญญา หมายถึงความรู้ชัด ความเข้าใจ ความรู้เท่าทันตามเป็นจริง ปัญญาเป็นคำกลางสำหรับความรู้ประเภทนี้ ปัญญามีหลายขั้นหลายระดับ เช่นที่แบ่งเป็นโลกียปัญญา โลกุตตรปัญญา มีคำศัพท์หลายคำที่ใช้ในความหมายจำเพาะหมายถึงปัญญาในขั้นใดขั้นหนึ่ง ระดับใดระดับหนึ่ง หรือเนื่องด้วยกิจเฉพาะคุณสมบัติเฉพาะหรือประโยชน์เฉพาะบางอย่าง เช่น สัมมาทิฏฐิ ญาณ วิชชา วิปัสสนา อภิญญา โพธิ เป็นต้น 2. ปัญญาในพุทธปรัชญามีเป้าหมายสำคัญเพื่อประหารอวิชชาและกิเลสอันเป็นเหตุแห่งทุกข์ ดังพุทธพจน์ที่ว่า “เพราะเห็นด้วยปัญญาอาสวะทั้งหลายย่อมหมดสิ้นไป", “จิตที่ปัญญาอบรมแล้วย่อมบริสุทธิ์", “บุคคลย่อมบริสุทธิ์ได้ด้วยปัญญา" เป็นต้น 3.พุทธปรัชญากล่าวว่าปัญญาเป็นภาเวตัพพธรรม คือเป็นสิ่งที่ควรฝึกอบรมหรือทำให้เจริญขึ้นได้ ดังนั้นจึงมีบทธรรมที่กล่าวถึงเรื่องนี้ไว้มาก เช่น ปัญญาวุฒิธรรม 4 โพธิปักขิยธรรม 37 หรือที่สุดคือหลักไตรสิกขาอันได้แก่ ศีล สมาธิ และปัญญา 4.ปัญญามีบทบาทต่อศรัทธาเป็นอย่างมาก ศรัทธาในพุทธปรัชญาต้องเป็นศรัทธาที่ประกอบด้วยปัญญา เหตุผล ดังที่เรียกว่าสัทธาญาณสัมปยุต หรืออาการวตีศรัทธา ถ้าขาดปัญญาเหตุผลย่อมได้ชื่อว่าความงมงายอันก่อให้เกิดโทษ 5. ผู้มีปัญญา ซึ่งพุทธปรัชญามีคำยกย่องว่าบัณฑิต สัตบุรุษ หรือที่สุดคือพุทธะ ซึ่งแปลว่าผู้รู้ คือรู้ความจริงอันประเสริฐว่าอะไรเป็นทุกข์ อะไรเป็นเหตุแห่งทุกข์ อะไรเป็นความดับทุกข์ อะไรเป็นวิธีปฏิบัติเพื่อความดับทุกข์ หรือเป็นการรู้แจ้งประจักษ์ชัดว่าสังขารทั้งหลายไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่เป็นตัวตน พุทธะแปลว่าผู้ตื่น คือตื่นจากกิเลสและอวิชชา พุทธะแปลว่าผู้เบิกบาน คือมีจิตบริสุทธิ์ผ่องใสไม่เศร้าหมองเพราะหมดอาสวกิเลส 6. ในการเข้าถึงอุดมการณ์อันสูงสุดซึ่งได้แก่ความหลุดพ้น จะต้องอาศัยปัญญาเป็นตัวการสำคัญดังที่เรียกว่าวิปัสสนา ดังนั้นพระอรหันต์ทุกองค์จะต้องได้ปัญญาวิมุตติ แม้พระอรหันต์ที่ชื่อว่าอุภโตภาควิมุตติก็คือพระอรหันต์ที่ได้ทั้งเจโตวิมุตติด้วยจตุถฌาณ และปัญญาวิมุตติประกอบกัน นั่นก็คือการเจริญสมาธิหรือสมถกัมมัฏฐานไม่สามารถยังความสำเร็จให้ได้มรรค ผล นิพพาน แต่ก็ได้ประโยชน์คือทำให้จิตสงบเพื่อเป็นบาทฐานของการเจริญปัญญาหรือวิปัสสนาต่อไป ส่วนวิปัสสนาคือการเจริญปัญญาเพื่อความเห็นแจ้ง เป็นวิธีการเพื่อมรรค ผล นิพพาน โดยตรงและโดยแท้ นั่นก็คือปัญญาเป็นตัวการตัดสินขั้นเด็ดขาดเพื่อความหลุดพ้นตามหลักพุทธปรัชญา ดังที่ท่านอรรถกถาจารย์ได้วางระบบแห่งการเจริญปัญญาไว้ 7 ขั้น อันได้แก่ สีลวิสุทธิ, จิตตวิสุทธิ, ทิฏฐิวิสุทธิ, กังขาวิตรวิสุทธิ, มัคคามัคญาณทัสสนวิสุทธิ, ปฏิปทาญาณทัสสนวิสุทธิ, ญาณทัสสนวิสุทธิ ซึ่งทั้ง 7 ขั้นนี้มีชื่อว่าวิสุทธิ 7 ซึ่งขยายความมาจากระบบแห่งไตรสิกขานั่นเอง อนึ่งปัญญาเจริญแก่กล้า ถึงขั้นเห็นอริยมรรคในขั้นใด เช่น โสดาปัตติมรรค ปัญญาระดับนี้จะประหารกิเลสที่ เรียกว่า สังโยชน์เบื้องต้น 3 ได้ สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา และสีลัพพตปรามาส ท่านจะบรรลุผลเป็นพระโสดาบัน หรือถ้าปัญญาแก่กล้าถึงที่สุดจนเกิดอริยมรรคที่ชื่อว่าอรหัตตมรรค จะประหารกิเลสที่เป็นสังโยชน์ทั้ง 10 อย่างได้หมดซึ่งที่สุดคืออวิชชา ท่านจะบรรลุผลเป็นพระอรหันต์อันเป็นบุคคลที่ประเสริฐที่สุดแห่งพุทธปรัชญา จึงสอดคล้องกับพุทธพจน์ที่เคยยกมาแสดงไว้ว่า “เพราะเห็นด้วยปัญญาอาสวะทั้งหลายย่อมหมดสิ้นไป" “จิตที่ปัญญาอบรมแล้วย่อมบริสุทธิ์" “บุคคลย่อมบริสุทธิ์ได้ด้วยปัญญา"
Creative Commons License

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
ทศสิน, ชอุ่ม, "การศึกษาเชิงวิเคราะห์บทบาทของปัญญาในพุทธปรัชญา" (1985). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 48525.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/48525