Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD)
การเปรียบเทียบมโนทัศน์ทางจริยธรรมของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่สาม ที่เรียนด้วยกิจกรรมการละเล่นพื้นเมืองของเด็กภาคเหนือ กับกิจกรรมตามแผนการสอนของกระทรวงศึกษาธิการ
Other Title (Parallel Title in Other Language of ETD)
A comparison of moral concepts of prathom suksa three students learning from the activities using the Northern children folkplay and the activities designed by The Ministry of Education
Year (A.D.)
1985
Document Type
Thesis
First Advisor
พูนสุข บุณย์สวัสดิ์
Faculty/College
Graduate School (บัณฑิตวิทยาลัย)
Degree Name
ครุศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Discipline
ประถมศึกษา
DOI
10.58837/CHULA.THE.1985.158
Abstract
วัตถุประสงค์การวิจัย1. เพื่อเปรียบเทียบมโนทัศน์ทางจริยธรรมของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่สามที่เรียนด้วยกิจกรรมการละเล่นพื้นเมืองของเด็กภาคเหนือ กับกิจกรรมตามแผนการสอนของกระทรวงศึกษาธิการ2. เพื่อศึกษาความคิดเห็นของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่สาม ที่มีต่อการอนุรักษ์วัฒนธรรมพื้นบ้านด้านการละเล่นพื้นเมืองของเด็กภาคเหนือ วิธีดำเนินการวิจัย ผู้วิจัยได้สร้างเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1. แผนการสอนจริยศึกษาจำนวน 8 แผน ประกอบด้วยเนื้อหาทางจริยธรรมที่เกี่ยวข้องกับความมีน้ำใจเป็นนักกีฬา แผนการสอนละ 1 เรื่อง โดยนำการละเล่นพื้นเมืองของเด็กภาคเหนือมาเป็นกิจกรรมหลักและมีกิจกรรมอื่นๆ ประกอบการสอน ในด้านการวัดผลประเมินผลตลอดจนการติดตามผล ผู้วิจัยได้สร้างแบบประเมินตนเองทางจริยธรรมและแบบสังเกตพฤติกรรมโดยครูประจำชั้น 2. แบบสอบวัดมโนทัศน์ทางจริยธรรม จำนวน 8 เรื่องๆ ละ 6 ข้อ รวม 48 ข้อ และได้ผ่านการทดลองใช้แล้ว ผลการวิเคราะห์ระดับความยากและอำนาจจำแนกของแบบสอบปรากฏว่า - เรื่อง ความรับผิดชอบ มีระดับความยากตั้งแต่ 0.48 – 0.80 อำนาจจำแนกตั้งแต่ 0.20 – 0.45 - เรื่อง ความมีระเบียบวินัยและการตรงต่อเวลา มีระดับความยากตั้งแต่ 0.48 – 0.68 อำนาจจำแนกตั้งแต่ 0.20 – 0.45 - เรื่อง ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และเสียสละ มีระดับความยากตั้งแต่ 0.45 – 0.93 อำนาจจำแนกตั้งแต่ 0.25 – 0.50 - เรื่อง ความเมตตา กรุณา มีระดับความยากตั้งแต่ 0.65 – 0.85 อำนาจจำแนกตั้งแต่ 0.30 – 0.50 - เรื่อง ความซื่อสัตย์ สุจริต มีระดับความยากตั้งแต่ 0.50 – 0.73 อำนาจจำแนกตั้งแต่ 0.20 – 0.50 - เรื่อง ความมีน้ำใจเป็นธรรมไม่ลำเอียง มีระดับความยากตั้งแต่ 0.38 – 0.60 อำนาจจำแนกตั้งแต่ 0.25 – 0.55 - เรื่อง ความอดทน อดกลั้น มีระดับความยากตั้งแต่ 0.53 – 0.75 อำนาจจำแนกตั้งแต่ 0.20 – 0.75 - เรื่อง ความไม่เห็นแก่ตัว มีระดับความยากตั้งแต่ 0.38 – 0.68 อำนาจจำแนกตั้งแต่ 0.25 – 0.65 ผลการวิเคราะห์ค่าสัมประสิทธิ์ความเที่ยงของแบบสอบ เท่ากับ 0.953. แบบสอบถามความคิดเห็นของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่สาม ที่มีต่อการอนุรักษ์วัฒนธรรมพื้นบ้าน ด้านการละเล่นพื้นเมืองของเด็กภาคเหนือ จำนวน 3 ชุด เครื่องมือที่กล่าวมาทั้งหมด ได้ผ่านการตรวจจากผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 7 ท่านแล้วตัวอย่างประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่สาม ปีการศึกษา 2527 โรงเรียนบ้านริมใต้ สังกัดสำนักงานการประถมศึกษาอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 2 ห้องเรียน ห้องละ 27 คน รวม 54 คน แบ่งเป็นกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมอย่างละ 1 ห้อง โดยได้มาจากการเลือกห้องเรียนที่มีคะแนนเฉลี่ย (Mean) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) ใกล้เคียงกันจากคะแนนการทดสอบด้วยแบบทดสอบวัดมโนทัศน์ทางจริยธรรมที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น ผู้วิจัยได้ทดลองสอนตัวอย่างประชากรกลุ่มทดลองด้วยกิจกรรมการละเล่นพื้นเมืองของเด็กภาคเหนือและกลุ่มควบคุมด้วยกิจกรรมตามแผนการสอนของกระทรวงศึกษาธิการในการวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลโดยทดสอบค่าที (t-test) และคำนวณหาค่าร้อยละ ผลการวิจัย1. มโนทัศน์ทางจริยธรรมของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่สาม ที่เรียนด้วยกิจกรรมการละเล่นพื้นเมืองของเด็กภาคเหนือ กับกิจกรรมตามแผนการสอนของกระทรวงศึกษาธิการแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 2. ความคิดเห็นของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่สาม ที่มีต่อการอนุรักษ์วัฒนธรรมพื้นบ้านด้านการละเล่นพื้นเมืองของเด็กภาคเหนือ เป็นดังนี้ การละเล่นพื้นเมืองของเด็กภาคเหนือที่นักเรียนส่วนใหญ่ เคยเล่นได้แก่ “กระต่ายขาเดียว" “ซ่อนไข่แม่เต่า" “กระโดดเชือก" “ม้าก้านกล้วย" จ้ำจี้จ้ำจวด" และ “จุ่มจะหลี้" ส่วนการละเล่นที่ชอบมากที่สุด คือ “ปืนผะลาบ" (ปืนกลก้านกล้วย) การละเล่นพื้นเมืองของเด็กภาคเหนือที่นักเรียนส่วนใหญ่ คิดว่าควรจะนำมาเล่นในสมัยนี้ ได้แก่ “ก้องถบ" “จ้ำจี้จ้ำจวด" และ “โอ-วา-แป๊ะ" ส่วนที่คิดว่าไม่สมควรให้นำมาเล่นในสมัยนี้ ได้แก่ “ชนกว่าง" “ยิงก๋ง" “เล่นไม้งิ้ว" “งัว¬กระทิง" นักเรียนส่วนใหญ่คิดว่า วัสดุธรรมชาติที่สามารถนำมาทำของเล่นพื้นเมือง คือ ไม้ไผ่ และคิดว่าบุคคลที่ได้สอนให้นักเรียนรู้จักการละเล่นพื้นเมือง คือ ปู่และย่า นอกจากนี้ นักเรียนทั้งหมดชอบให้มีการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับการอนุรักษ์วัฒนธรรมพื้นบ้าน ด้านการละเล่นพื้นเมืองของเด็กภาคเหนือและยังต้องการที่จะช่วยกันทำของเล่นจากวัสดุในท้องถิ่น ตลอดจนจะช่วยสอนการละเล่นพื้นเมืองต่างๆให้แก่เพื่อนๆและน้องต่อไป
Creative Commons License

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-No Derivative Works 4.0 International License.
Recommended Citation
สุวัตถี, พรรณี, "การเปรียบเทียบมโนทัศน์ทางจริยธรรมของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่สาม ที่เรียนด้วยกิจกรรมการละเล่นพื้นเมืองของเด็กภาคเหนือ กับกิจกรรมตามแผนการสอนของกระทรวงศึกษาธิการ" (1985). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 48469.
https://digital.car.chula.ac.th/chulaetd/48469